ชาวหน้ากากขาวเมืองเลยกว่า 200 คน ชุมนุมหน้าศาลากลาง ต่อต้านรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฉะโครงการข้าว-น้ำ โกงกินมหาศาล เครือข่ายนักกฎหมายเพื่อสังคม จ.เลย ออกแถลงการณ์ขับไล่รัฐบาลร่างทรงนักโทษชายทักษิณ
เมื่อวันที่ 28 มิถุยายน 2556 เวลา 17.30 น. ที่ริมถนนมลิวรรณ หน้าศาลากลางจังหวัดเลย กลุ่มวี เลย
ฟอร์ไทย หรือกลุ่มคนหน้ากากขาวเมืองเลยจำนวนประมาณ 200 คน ชุมนุมขับไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ในที่ชุมนุมมีการแจกแถลงการณ์จากเครือข่ายนักกฎหมายเพื่อสังคม จ.เลย ที่ระบุเนื้อหาเรียกร้องให้ประชาชนออกมาต่อต้านรัฐบาลที่บริหารงานโดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีบงการอยู่เบื้องหลัง มีการทุจริตคอรัปชั่นมากมาย โดยเฉพาะโครงการบริหารจัดการน้ำ
วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท ที่ไม่ฟังเสียงทักท้วงจากประชาชน ทำให้ศาลปกครองต้องสั่งให้ทำตามรัฐธรรมนูญ ให้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนก่อนดำเนินโครงการ ทั้งๆที่รัฐบาลชุดนี้มาจากการเลือกตั้ง
การชุมนุมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง หลังจากนั้นผู้ชุมนุมได้ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนแยกย้ายกันกลับ และนัดชุมนุมกันอีกครั้งในเร็วๆนี้.
แถลงการณ์ประชาชน “รัฐบาลร่างทรงหมดความชอบธรรม”
จากกรณีล่าสุด
(27 มิ.ย.2556)
ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้รัฐบาลชะลอโครงการบริหารจัดการน้ำ วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท ไว้ก่อนจนกว่าจะได้จัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเสียก่อน
ซึ่งกระบวนการดังกล่าวเป็นหน้าที่ของรัฐบาลนี้จะต้องดำเนินการ
ทั้งนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 วรรค 2 และมาตรา 67 วรรค 2
ซึ่งรัฐธรรมนูญวางหลักว่า “การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
การเมือง สังคมฯ
การกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ในที่ดินและการออกกฎที่มีผลกระทบต่อส่วนได้เสียของประชาชน รัฐต้องจัด -ให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึงก่อนดำเนินการ
และการดำเนินโครงการที่อาจมีผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพจะกระทำมิได้
เว้นแต่จะได้ศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม
และสุขภาพของประชาชนในชุมชน (EIA) และต้องให้องค์กรอิสระ,
นักวิชาการ และประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นและ EIA…”
นี่คือหลักการของกฎหมายสูงสุดของประเทศ
ได้วางเป็นกฎเหล็กไว้อย่างเคร่งครัดชัดเจน
รัฐบาลทุกรัฐบาลต้องอยู่ภายใต้กฎหมายสูงสุดและกฎเหล็กนี้
แต่เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งที่รัฐบาลที่อ้างว่ามาจากมือของประชาชนเลือกเข้ามา กลับละเลยต่อสิทธิพื้นฐานที่สำคัญของชุมชน – ประชาชน ที่สำคัญ
ละเลยต่อกฎหมายสูงสุดของประเทศ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์
ที่มีพฤติกรรมลุแต่อำนาจบังอาจล่วงละเมิดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ ความจริงนี่ไม่ใช่ครั้งครั้งแรกที่รัฐบาลนี้ล่วงละเมิดรัฐธรรมนูญ
การเสนอแก้รัฐธรรมนูญที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งเบรคเมื่อปี 2555, หรือแม้ยุครัฐบาลร่างทรง (สมัคร) โดยการนำของนายนพดล รัฐมนตรียุคนั้น
มีมติยกเขาพระวิหารและที่ดินบริเวณใกล้เคียงให้เขมร เมื่อปี 2551 จนศาลปกครองกลางมีคำสั่งว่า มติไม่ชอบฯลฯ
พฤติการณ์อันน่าอัปยศเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าของรัฐบาลร่างทรง
ที่ไม่เคารพกฎหมายสูงสุด
ไม่เคารพสิทธิของชุมชนและ -ประชาชน
มุ่งมองแต่ประโยชน์ส่วนตน และพวกพ้อง และพี่น้องตน
ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนคนไทย และไทเลยควรต้องหูตาสว่าง หลักนิติธรรม-นิติรัฐถูกทำลายหมดสิ้น กลายเป็นยุคอันธพาลครองเมือง, เกิดเป็นรัฐตำรวจ (โดยไม่เห็นด้วยต้องถูกอุ้ม), ข้าวยากหมากแพง, ทุจริตคอรัปชั่นได้แม้แต่กับคนยากจน
(ชาวนา – โครงการจำนำข้าว) ฯลฯ เครือข่ายนักกฎหมายเพื่อสังคม จังหวัดเลย จึงมีมติโดยปราศจากข้อสงสัยว่า รัฐบาลร่างทรงของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือ ตัวทำลายชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์
เป็นภัยต่อประเทศไทยอย่างไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหน
จะเลวร้ายเท่านี้อีกแล้ว
เครือข่ายนักกฎหมายฯ ขอสนับสนุนพี่น้องชาวหน้ากากขาวไทเลย
และทุกกลุ่มที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลร่างทรงยุติพฤติการณ์ทำลายชาติ พวกเราขอร่วมประกาศมติประชาชนคนไทเลยว่า “รัฐบาลร่างทรงนางสาวยิ่งลักษณ์
ชินวัตร
หมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศไทยต่อไป”
เคารพและศรัทธา
เครือข่ายนักกฎหมายเพื่อสังคมจังหวัดเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น