การประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดน
ไทย – ลาว จังหวัดเลย กับ แขวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เน้นย้ำ การสร้างความเข้าใจที่ดี
และเชื่อมสัมพันธ์แนวชายแดนให้แน่นแฟ้น จับมือสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน
พร้อมเปิดด่านบ้านคกไผ่และด่านเชียงคานเป็นด่านถาวร
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม
2556 ที่โรงแรมเลยพาเลซ อำเภอเมือง จังหวัดเลย
ได้มีการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดน ไทย-ลาว
จังหวัดเลย- แขวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว
ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 22-23 สิงหาคม 2556
ฝ่ายจังหวัดเลย ประกอบด้วย นายสมพงศ์
อรุณโรจน์ปัญญา ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย, ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเลย,
ผู้บังคับการตำภูธรจังหวัดเลย, รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเลย หัวหน้าส่วนราชการ และนายอำเภอ ในพื้นที่ชายแดน
ส่วนแขวงเวียงจันทน์ ประกอบด้วย ท่านคำเมิง
พงทะดี เจ้าแขวงเวียงจันทน์, หัวหน้าทหารแขวง,
หัวหน้ากองบัญชาการป้องกันและรักษาความสงบแขวง , หัวหน้าส่วนราชการ , เจ้าเมืองชะนะคาม และ
เจ้าเมืองหมื่น ซึ่งเป็นอำเภอชายแดนของลาว
ที่อยู่ตรงข้ามกับอำเภอเชียงคาน และ อำเภอปากชม ของจังหวัดเลย
ที่ประชุมได้แสดงความยินดี
และชื่นชม ผลความร่วมมือของจังหวัดเลย และแขวงเวียงจันทน์ ในระยะที่ผ่านมา ซึ่งมีการพัฒนาความสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและการค้าชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ความร่วมมือรักษาความสงบตามแนวชายแดน มีความสงบ สันติสุข
และร่วมมือแก้ไขปัญหาตามชายแดน เป็นไปด้วยดี นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมด้านวิชาการเกษตร การประชุมร่วมกันของภาคธุรกิจการค้า ซึ่งจะเป็นผลสืบเนื่องเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แนบแน่น นำมาซึ่งความสงบ ความสันติ ดำรงไว้ซึ่งภราดรภาพที่ราบรื่นยั่งยืนสืบไป
ในการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยชายแดนไทย-ลาว จังหวัดเลย-แขวงเวียงจันทน์ ครั้งที่
17 นี้ ที่ประชุมได้ปรึกษาหารือ
และเห็นชอบสนับสนุนการประสานงานระดับจังหวัด-แขวง
โดยกำหนดจัดการประชุมประสานงานแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารร่วมกัน 3 เดือนต่อ 1
ครั้ง โดยผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ,
เห็นชอบและสนับสนุนให้จัดการประชุมอนุกรรมการชายแดนระดับเมืองและอำเภอ ปีละ 2
ครั้ง โดยผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ
และเห็นชอบให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดน ระหว่างจังหวัดกับแขวง ปีละ 1-2 ครั้ง และในกรณีเร่งด่วน ให้ประสานงานกันทันที
ในส่วนของการตรวจตรา ลาดตระเวนของกองกำลังติดอาวุธ
ไม่ให้กำลังทหารหรือตำรวจล่วงล้ำเขตน่านน้ำ ทางบก
หรือทางอากาศของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างเด็ดขาด
ยกเว้นกรณีการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุบัติเหตุตามแม่น้ำโขงตามหลักมนุษยธรรม แต่ต้องมีการแจ้งประสานงานให้อีกฝ่ายทราบในทันที และหากมีการเคลื่อนย้าย
หรือเพิ่มกองกำลังเข้าปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ จะต้องแจ้งให้อีกฝ่ายทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 48
ชั่วโมง
ที่ประชุมเห็นชอบไม่ให้กำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน หรือเจ้าหน้าที่ตามชายแดนจัดประชุมตกลงปัญหาชายแดน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ
และอนุกรรมการฯ ชายแดน, หากมีการจับกุมคุมขังพลเมืองของฝ่ายใด จะต้องแจ้งรายชื่อผู้ถูกจับให้อีกฝ่ายทราบภายใน
3 วัน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบกำหนดเปิด-ปิด
จุดผ่านแดนถาวรบ้านคกไผ่ ตำบลปากชม อำเภอปากชมกับด่านท้องถิ่นบ้านวัง เมืองหมื่น
แขวงเวียงจันทน์
และจุดผ่านแดนถาวร
อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลยกับด่านท้องถิ่นเมืองชะนะคาม แขวงเวียงจันทน์ โดยเปิดเวลา 08.00 น. และปิดเวลา
18.00 น. ของทุกวัน
และให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรบ้านคกไผ่-บ้านวัง และด่านเชียงคาน-เมืองชะนะคาม ปรึกษาหารือร่วมกันในการจัดระบบการนำสินค้าเข้า-ออก ตามนโยบายและระเบียบต่าง ๆ แล้วแจ้งให้นักธุรกิจ พ่อค้า ประชาชน ทั้งสองฝ่ายทราบ
ในส่วนของบุคคลสองสัญชาติ
ที่ประชุมเห็นชอบให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่ายร่วมกันแก้ไขปัญหา โดยการตรวจสอบอย่างจริงจัง หากปรากฏ หรือพบเห็นให้หารือ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันทันที เพื่อตรวจสอบประวัติ และจัดทำทะเบียนให้เป็นบุคคลเพียงสัญชาติเดียว
ส่วนปัญหาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
ที่ประชุมเห็นชอบให้ปฏิบัติตามบันทึกการประชุมคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่
14 มีนาคม 2545
โดยจะผลักดันและสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งไทย และลาว ประชุมปรึกษาหารือ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกัน เพื่อร่วมสกัดกั้นและปราบปรามการลักลอบซื้อ-ขาย เสพยาเสพติดทุกชนิดตามบริเวณชายแดนให้หมดไป
ที่ประชุมยังเห็นชอบร่วมมือกันด้านการค้า การลงทุน
การท่องเที่ยว การเกษตร ทัศนศึกษา
แรงงานและสวัสดิการ การกีฬา และด้านอื่น ๆ .
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น