กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดตั้งโต๊ะแถลงข่าวประณามกลุ่มชายฉกรรจ์ย่องทุบกำแพงปิดทางเข้าเหมืองทอง ด้านศาลจังหวัดเลยมีคำสั่งยกฟ้อง ‘ทุ่งคำ’ขอคุ้มครองชั่วคราวธุรกิจขุดทองเสียหาย ฟ้องเรียก 50 ล้านจากแกนนำกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด 14 คน ขณะที่ชาวบ้านปรึกษาสภาทนายความ เตรียมยื่นเรื่องฟ้องศาลปกครองเอาผิดหน่วยงานราชการปล่อยปละละเลย
เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2556 ที่หมู่บ้านนาหนองบง ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดเปิดแถลงข่าว กรณีที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนประมาณ 20 คน สวมหมวกไอ้โม่ง เข้ามาลงมือทุบกำแพงที่ชาวบ้านร่วมกันก่อขึ้นเพื่อปิดทางเข้าเหมืองทองของบริษัททุ่งคำจำกัด เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. วันที่ 20 กันยายน 2556
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2556 บริษัททุ่งคำจำกัด ได้มอบหมายให้ทนายความเข้ายื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดเลยความดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดจำนวน 14 คน ข้อหาละเมิด ใช้สิทธิเกินส่วน จากกรณีก่อกำแพงปิดกั้นเส้นทางเข้า-ออกเหมือง ซึ่งคำฟ้องยืนยันว่า เป็นที่ดินของทางบริษัทที่ซื้อมาโดยถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อตัดถนนผ่านเข้าออก เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ถนนร่วมกับชุมชน การก่อกำแพงปิดถนนทำให้บริษัทได้รับความเสียหายจากการประกอบธุรกิจ จึงต้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท และค่าเสียหายในอนาคตอีกวันละ10 ล้านบาท นับจากวันที่ยื่นฟ้องร้อง โดยขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราว และให้กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดรื้อถอนกำแพงออกไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2556 ศาลจังหวัดเลยได้มีคำสั่งการพิจารณาคดีหมายเลขดำที่ 859/2556 คดีความแพ่งระหว่างโจทก์คือบริษัทุ่งคำจำกัดกับจำเลยคือนาสมัย ภักดิ์มี พร้อมพวกรวม 14 คน
คำสั่งศาลระบุว่า พิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์ไต่สวนมาแล้ว การขอคุ้มครองชั่วคราวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(2) จะต้องเป็นการห้ามไม่ให้กระทำซ้ำซึ่งการละเมิด หรือการผิดสัญญา หรือการกระทำที่ถูกฟ้องร้องหรือมีคำสั่งอื่นใดในอันที่จะบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายที่อาจได้รับต่อไปเนื่องจากการกระทำของจำเลย คำร้องของโจทก์อ้างว่า จำเลยทั้ง 13 คน ร่วมกันชุมนุม ใช้สิ่งกีดขวางปิดกั้นทางสาธารณะ รวมทั้งก่อสร้างกำแพงอิฐบล็อกลงบนทางส่วนบุคคลของโจทก์ ซึ่งโจทก์ได้ซื้อมาจากบุคคลภายนอก ตัดใช้เป็นทางเข้าออกบริษัทเพื่อหลีกเลี่ยงชุมชน ทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้รถบรรทุกเข้าไปขนสินค้าได้นั้น ศาลเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยเพียง 13 คน มิได้ฟ้องบุคคลอื่นที่มาชุมนุมปิดถนนหรือบริวารของจำเลยทั้ง 13 คนด้วย และไม่ปรากฎว่าพวกของจำเลยทั้ง 13 คนเป็นบริวารของจำเลยทั้ง 13 คน ดังนั้น แม้ศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้โจทก์ คำสั่งศาลก็ไม่อาจบังคับพวกของจำเลยที่เหลือ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 ประกอบกับได้ความว่าจำเลยทั้ง 13 คน กับพวกได้เลิกการชุมนุมพร้อมกับรื้อถอนเต็นท์ที่ตั้งปิดเส้นทางสาธารณะออกก่อนยื่นคำร้องแล้ว ส่วนเส้นทางอื่นที่จำเลยทั้งสิบสามคนกับพวกทำรั้วเหล็กกั้น ก็สามารถเปิดทางให้เข้าออกและสัญจรไปมาได้ เพียงแต่ไม่สะดวกบ้างเท่านั้น กรณีนี้จึงยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวมาใช้ และกรณีไม่มีเหตุฉุกเฉิน คำสั่งศาลระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้ กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดได้อ่านแถลงการณ์ระบุว่า กำแพงที่ชาวบ้านช่วยกันก่อขึ้นถูกทุบทำลายลงนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องไม่เข้ามาดูแลหรือใยดีใดๆทั้งสิ้น เปิดเส้นทางให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัดได้ผ่านขึ้นหรือลงพื้นที่ทำการเหมืองตามปกติ เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความเจ็บปวดให้กับราษฎร 6 หมู่บ้านเป็นอย่างยิ่ง กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดขอประณามเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน ไร้จิตวิญญาณความเป็นมนุษย์ โลภอยากได้เป็นของตน โง่เขลา สิ้นคิด ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบหากลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวมาทำการลงโทษ อีกทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบกรณีพิพาทระหว่างบริษัท ทุ่งคำ จำกัด กับ ราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจาก 6 หมู่บ้าน ทำการสอบสวนเพื่อหาทางแก้ไขต่อไป กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน จะทำการปกป้องแผ่นดินแม่ และต่อสู้กับความอยุติธรรมทุกรูปแบบตามกรอบของกฎหมาย อย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม แถลงการณ์ระบุ
ภายหลังที่ได้ทราบคำสั่งจากศาล เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2556 กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดได้เดินทางไปที่ สภ.วังสะพุง เพื่อลงบันทึกประจำวันกรณีที่ถูกชายฉกรรจ์เข้าทุบกำแพงว่า เป็นการทำลายทรัพย์สินของชุมชน
นายสมัย ภักดิ์มี แกนนำกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด กล่าวว่า กำแพงที่ชาวบ้านร่วมกันก่อสร้างขึ้นตาม “ระเบียบชุมชน ว่าด้วยการใช้ถนนชุมชนและการควบคุมน้ำหนักบรรทุก” ใน 6 หมู่บ้านในตำบลเขาหลวงผ่านการทำประชาคมหมู่บ้านเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2556 โดยมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการห้ามรถบรรทุกเกิน 15 ตันและการขนสารเคมีอันตรายในถนนชุมชน โดยยืนยันว่า แนวกำแพงอยู่ในเขตถนนของชุมชน ไม่ได้อยู่ในที่ดินของบริษัททุ่งคำแต่อย่างใด ทั้งนี้ ทางกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดกำลังขอคำปรึกษาจากสภาทนายความว่าจะดำเนินการตอบโต้อย่างอย่างไร ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง เอาผิดกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น