รองผู้ว่าฯเลยนั่งหัวโต๊ะถกเตรียมเปิดด่านท่าลี่โฉมใหม่สุดอลังการรองรับอาเซียน
จ่อขยายสะพานน้ำเหืองเพิ่มอีกสองเลน ชูเส้นทางสู่หลวงพระบางใกล้สุด สะดวกกว่า มั่นใจดันเศรษฐกิจเลยรุ่งโรจน์ ด้านบขส.พร้อมเปิดเดินรถโดยสารสายเลย-หลวงพระบาง
คาดเริ่มเที่ยวแรกปลายธันวาคมนี้ ค่าตั๋ว 700 บาท
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2556 ที่ห้องประชุมด่านศุลากรท่าลี่ บ้านนากระเซ็ง
ต.อาฮี อ.ท่าลี่ จ.เลย นายภานุ แย้มศรี
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับติดตามโครงการพัฒนาเพิ่มศักยกภาพการค้าและการท่องเที่ยว โดยมีผู้แทนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และตัวแทนองค์ผู้ประกอบการธุรกิจภาคเอกชน
ซึ่งมีวาระการประชุมที่สำคัญ ได้แก่
การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การก่อสร้างด่านพรมแดนท่าลี่ระยะที่ 2 และ 3 การผลักดันให้สนามบิน จ.เลย เป็นสนามบินศุลกากร และการเดินรถโยสารระหว่าง จ.เลยกับแขวงหลวงพระบาง
นายศิริพงษ์ วุฑฒินันท์
นายด่านศุลกากรท่าลี่ กล่าวว่า
โครงการพัฒนาเพิ่มศักยภาพการค้าและการท่องเที่ยวที่ด่านพรมแดนบ้านนากระเซ็งระยะที่
1 ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จไปเมื่อเดือนกันยายน 2556 ด้วยงบประมาณ 91.30
ล้านบาท
ซึ่งเป็นตัวอาคารหลักสำหรับตรวจเอกสาร คน และยานพาหนะ บ้านพักเจ้าหน้าที่
แต่ยังขาดวัสดุอุปกรณ์และสิ่งก่อสร้างต่างๆ เพราะงบประมาณการก่อสร้างระยะที่ 1
ไม่เพียงพอ
จึงจำเป็นต้องจัดหางบประมาณเพื่อให้สามารถอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางเข้า-ออก
และให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล
นายศิริพงษ์ วุฑฒินันท์ |
นายด่านศุลกากรท่าลี่ กล่าวอีกว่า
สำหรับสิ่งที่จะต้องดำเนินการก่อสร้างในระยะที่ 2 และ 3 ที่สำคัญ เช่นอาคารอำนวยการและควบคุมด่านพรมแดน
อาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยวด่านพรมแดน อาคารอเนกประสงค์ อาคารเอ็กซเรย์สัมภาระผู้เดินทาง อาคารศูนย์บริการผู้เดินผ่านประเทศ ห้องประชุมสัมมนาและแถลงข่าว ลานจอดรถและอาคารบริการรถขนส่งสินค้า
โดยจะแยกชัดเจนระหว่างการขนส่งสินค้ากับประชาชนผ่านแดนทั่วไป
ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกขั้นตอนผ่านแดนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ได้กำหนดวงเงินงบประมาณในระยะที่ 2
และ
3 ไว้ที่ 37,729,000 บาท ขณะเดียวกันได้เตรียมการก่อสร้างสะพานมิตรภาพน้ำเหมืองไทย-ลาว คู่ขนานกับสะพานเดิม
เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการข้ามแดนของรถขนส่งสินค้าและประชาชนทั่วไป
ซึ่งปัจจุบันมีปัญหารถต้องเข้าคิวแถวยาว โดยเฉพาะช่วงนี้มีรถขนส่งสินค้า วัสดุก่อสร้างไปยังโครงการก่อสร้างเขื่อนไชยะบุรีเป็นจำนวนมาก ขณะนี้กำลังประสานงานกับกรมทางหลวงเพื่อขออนุมัติประมาณก่อสร้าง
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือเกี่ยวกับการเปิดเส้นทางเดินรถโดยสารระหว่าง
จ.เลยกับแขวงหลวงพระบางด้วย
โดยมีนายเกรียงไกร แก้วปัญญา นายสถานีเดินรถจังหวัดเลย บริษัทขนส่งจำกัด เป็นผู้รายงานความคืบหน้า
นายเกรียงไกรกล่าวว่า
การเปิดเส้นทางเดินรถระหว่าง จ.เลย-ไชยะบุรี-หลวงพระบาง
ขณะนี้ใกล้จะบรรลุข้อตกลงระหว่างบริษัทขนส่งจำกัด กับบริษัทนาหลวงจำกัด
ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเดินรถเอกชนของ สปป.ลาวแล้ว
คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการเที่ยวแรกในปลายเดือนธันวาคม 2556 นี้ โดยจะใช้รถปรับอากาศชั้น 1 ของฝ่ายไทยและสปป.ลาว
ขนาด 40 ที่นั่ง มีห้องสุขา
และมีพนักงานบริการอาหารว่างบนรถ
ค่าโดยสารกำหนดไว้ที่เที่ยวละ 700 บาท และราคา 500 บาทสำหรับผู้โดยสารที่จะเดินทางไปแขวงไชยะบุรี ซึ่งรถฝ่ายไทยและลาวจะขับสวนทางกัน วันละ 1
เที่ยว ออกจาก จ.เลยเวลา 08.00 น.
และออกจากหลวงพระบางเวลา 07.00 น.
ผู้โดยสารที่จะใช้บริการต้องมีพาสปอตหรือวีซ่าเท่านั้น
จากกระแสตอบรับขณะนี้มีประชาชนสอบถามเข้ามาจำนวนมาก จึงคาดว่าจะมีผู้โดยสารเกินกว่าร้อยละ 60
ต่อเที่ยว
โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่จะหันมาใช้บริการเส้นทางนี้แทนเส้นทางเดิมจากเวียงจันทน์ผ่านวังเวียงไปหลวงพระบาง
เนื่องจากเส้นทางนี้ใกล้กว่า จากด่านท่าลี่ถึงหลวงพระบางประมาณ 360 กิโลเมตร ขณะเดียวกันสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาน้อยกว่า เส้นทางไม่คดเคี้ยวมากนัก นายเกรียงไกรกล่าว
ด้านนายภานุ แย้มศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลยกล่าวว่า หลังจากการเปิดด่านพรมแดนท่าลี่ครั้งใหม่
จะเป็นโอกาสที่จังหวัดเลยจะได้รับผลดีด้านมูลค่าด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น
เพราะสามารถอำนวยความสะดวกแก่นักธุรกิจและนักท่องเที่ยว
ตลอดจนประชาชนทั่วไปทั้งสองประเทศไปมาหาสู่กันได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น