ที่ลานวัฒนธรรมหน้าวัดท่าคก
ถ.ชายโขง อ.เชียงคาน จ.เลย
สำนักงานท้องถิ่นจังหวัดเลยจัดโครงการส่งเสริมและสนับสนุนด้านการรักษาความสะอาด
และลดปริมาณขยะมูลฝอย มีนายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์
ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานพิธีเปิด
นายดิษพล บุตรดีวงศ์
หัวหน้ากลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาท้องถิ่น รักษาราชการแทนท้องถิ่นจังหวัดเลย กล่าวว่า การจัดโครงการครั้งนี้ได้ดำเนินการตามนโยบาย “เมืองสะอาด
คนในชาติมีสุข” ของ คสช. เพื่อแก้ไขปัญหาในการจัดการขยะที่ยั่งยืนคือ
การสร้างวินัยของคนในชาติ โดยบูรณาการสื่อสาร เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ
สร้างความตระหนักในการรักษาความสะอาดของบ้านเมือง และการจัดการขยะอย่างครบวงจร สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดเลย
จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมและสนับสนุนด้านการรักษาความสะอาด และลดปริมาณขยะมูลฝอยขึ้น
โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
(อพท.)
สำหรับกิจกรรมในโครงการนี้ประกอบด้วย
การประกวดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการขยะมูลฝอยดีเด่น ,
กิจกรรมรณรงค์สร้างจิตสำนึก และกิจกรรมสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายกับบุคคลที่ทิ้งขยะปฏิกูลมูลฝอย
ลงในที่หรือทางสาธารณะ โดยมีส่วนราชการ
รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน ประชาชน และสถานศึกษาเข้าร่วมรณรงค์รักษาความสะอาด
และลดปริมาณขยะมูลฝอย รวมประมาณ 300 คน
ทั้งนี้
สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดเลยได้จัดทำถุงผ้าและผ้ากันเปื้อนให้แก่แม่ค้า
พร้อมเดินในการรณรงค์ ขอความร่วมมือในการรักษาความสะอาดและลดปริมาณขยะมูลฝอย จากนักท่องเที่ยว พ่อค้าแม่ค้า
และผู้ประกอบการบริเวณถนนวัฒนธรรม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
ด้านนายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์
ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย
กล่าวว่า
นับตั้งแต่จังหวัดเลยได้ดำเนินการตามนโยบายของ คสช.ในด้านการรักษาความสะอาด
ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ปรากฏว่า จังหวัดเลยกลายเป็นเมืองที่สะอาด
ปราศจากขยะ และมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยในปี 2559
ได้กำหนดเป้าหมายจะทำให้จังหวัดเลยเป็นจังหวัดที่สะอาดที่สุดในประเทศ
พร้อมต้อนรับหน่วยงานทุกองค์กรมาศึกษาดูงานจังหวัดต้นแบบในด้านการดูแลรักษาความสะอาด
อันจะนำมาซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น
เป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่คนในท้องถิ่น
ผู้ว่าราชการจังหวัดเลยกล่าวอีกว่า
สำหรับหนึ่งในมาตรการ รณรงค์และปลูกจิตสำนึกให้แก่ประชาชน ก็คือการ
ตั้งรางวัลนำจับผู้ที่ทิ้งขยะในที่สาธารณะ หากประชาชนพบเห็น
สามารถถ่ายภาพเป็นหลักฐานแล้วโพสต์ขึ้นบนสังคมออนไลน์ หรือในเฟซบุ๊ค
หากภาพนั้นนำไปสู่การจับปรับดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดได้
เดิมนั้นได้ตั้งเงินรางวัลนำจับให้ไว้ที่ 1,000 บาท แต่หลังจากนี้ตนได้เพิ่มเงินรางวัลเป็น
5,000 บาท เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจมากขึ้น
นายวิโรจน์กล่าว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น