ในการเข้าตรวจสอบครั้งนี้
มีนางพจนา ศรีเจริญ อายุ 68 ปี
เจ้าของห้างหุ้นส่วนบุญยงค์กิจ
เป็นผู้นำตรวจจุดต่างๆภายในบริเวณพื้นที่ประทานบัตรเหมืองหิน พร้อมให้ข้อมูลแก่คณะของรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม โดยชี้แจงว่า
ได้หยุดดำเนินกิจการเหมืองหินและโรงโม่มาประมาณ 6 ปีแล้ว แต่อายุประทานบัตรยังเหลืออีก 8 ปี จึงได้ให้ผู้ประกอบการรายอื่นมาเช่าทำต่อ
หลังจากนั้นก็ไม่เคยออกมาเกี่ยวข้องกับการทำเหมืองของผู้เช่า จึงไม่ทราบว่ามีการกระทำที่ผิดกฎหมาย
ทั้งนี้
จากการตรวจสอบของคณะรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมพบว่า ยังคงมีเครื่องโม่หิน 2
เครื่อง ตั้งอยู่ แต่สภาพทรุดโทรม มีหญ้าขึ้นปกคลุม และยังพบฐานการตั้งอาคารเครื่องปั่นไฟ
และรากฐานอุปกรณ์เครื่องจักรอื่นๆ ตามรายการที่ระบุไว้ในหนังสือร้องเรียน นอกจากนี้ ยังพบร่องรอยการขุดระเบิดหินขยายพื้นที่ออกไปนอกแปลงที่ขออนุญาตไว้ ซึ่งผู้ประกอบการรายนี้ได้หยุดการเดินเครื่องไปเมื่อ
2 ปีที่ผ่านมา แล้วไปเปิดเหมืองหินและโรงโม่แห่งใหม่ที่ อ.เอราวัณ จ.เลย
นายศักดา พันธ์กล้า รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การมาครั้งนี้เป็นการดำเนินการตรวจสอบในเบื้องต้นเท่านั้น เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมข้อมูล ทั้งการขยายเพื้นทที่ขุดหิน และการตั้งโรงงาน โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ 2 ชุด คือ ชุดของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และชุดของกระทรวงอุตสาหกรรม หากตรวจสอบพบการกระทำความผิดตามที่ประชาชนร้องเรียน ก็จะดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญากับผู้ประกอบการรายนี้ เพราะถือว่ารัฐได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล ซึ่งไม่เฉพาะในพื้นที่จังหวัดเลยเท่านั้น ขณะนี้ตนได้สั่งการให้ตรวจสองเหมืองหินและโรงโม่ทั่วประเทศ สำหรับกรณีนี้จะเร่งดำเนินการอย่างถูกต้องโปร่งใส และให้เร็วที่สุด.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น