“ได้สั่งฝ่ายความมั่นคงให้ไปดูแลกวดขันน้ำหนักรถบรรทุกบนถนน พอมีการเข้มงวด ก็มีการโยนระเบิดขวดใส่เจ้าหน้าที่เล็กๆ น้อยๆ เพื่อข่มขู่ เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ฉะนั้น เราจะไม่ผ่อนผัน มันทำให้ถนนชำรุดและต้องเสียเงินซ่อมมหาศาล ดังนั้น ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ก็ขอแจ้งเตือนไว้ก่อนจะกวดขันทุกเรื่อง ถนนพังแล้วใครรับผิดชอบ รัฐบาลเอาเงินไปอุดหนุนเท่าไหร่ กี่ปี สร้าง ซ่อม มันไม่คุ้มค่า
ฉะนั้น ต้องไปปรับในกระบวนการของตัวเอง ไม่ต้องไปร้องเรียนราคาต้นทุน เพราะน้ำมันก็ราคาลดลง ต้องไปปรับตัวเองบ้าง ถ้าทุกคนจะเอารายได้เท่าเดิม หรือมากกว่าเดิม มันเป็นไปไม่ได้ ยิ่งสถานการณ์โลกในปัจจุบันแล้วด้วย”
นี่คือคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 ในระหว่างการแถลงข่าว ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งเชื่อแน่ว่า หากเป็นผู้นำรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งชุดที่ผ่านๆมา คงไม่มีคำพูดแบบนี้มาให้ได้ยินแน่นนอน เพราะกลุ่มผู้ประกอบการรถบรรทุกล้วนมีพระคุณกับพรรคการเมือง หรือนักการเมืองเป็นผู้ประกอบการเสียเอง
ผลของการที่ถนนชำรุด อันเนื่องมากจากรถบรรทุกหนักเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดนั้น ไม่เพียงแต่รัฐต้องมาสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินมาซ่อมสร้างใหม่เท่านั้น แต่ยังส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง จนทำให้สถิติอุบัติเหตุของประเทศไทยอยู่ในอันดับที่สองของโลก ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่สอดคล้องกับการจัดอันดับคอร์รัปชั่นหลายสำนักด้วย
ดังนั้น การที่นายกรัฐมนตรีออกมาเอาจริงกับเรื่องนี้ ถือว่าได้ใจชาวบ้านไปเต็มๆ ยกมือสาธุท่วมหัว เอาใจช่วยขอให้ทำได้จริงๆ ประเทศชาติจะได้ประหยัดงบประมาณ เอาเงินที่เคยซ่อมถนนไปใช้สร้างสวัสดิการ เพิ่มคุณภาพชีวิตของพลเมือง หรือพัฒนาอย่างอื่นได้อีกมากมาย
คราวนี้มาดูที่จังหวัดเลยบ้านเรา เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีความแปลกพิลึกพิลั่น เป็นจังหวัดท่องเที่ยว ททท.ยกให้เป็น 12 เมืองต้องห้ามพลาด แต่หากเมื่อมาจัดอันดับคุณภาพของถนนเทียบกับในบรรดา 12 เมืองต้องห้ามพลาด คงได้ครองแชมป์ไม่มีใครกล้าท้าชิง
แม้ผู้หลักผู้ใหญ่ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ประกาศกันปาวๆ จ.เลยขายเรื่องการท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่กลับเป็นเมืองที่มีรถบรรทุกหนักมากมาย เพราะมีโรงโม่หินหลายแห่ง ซึ่งกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ ล้วนมีบริษัทรับเหมาซ่อม-สร้างถนนเป็นของตัวเองด้วย
ข้าราชการตัวเล็กในแขวงทางหลวงชนบทท่านหนึ่งกล่าวขณะตั้งด่านลอยชั่งน้ำหนักรถบรรทุกแถวโรงโม่หิน อ.เอราวัณ บอกว่า รถบรรทุกส่วนใหญ่ที่มาจากต่างจังหวัดวิ่งทางไกล เขาจะบรรทุกหินไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ให้ความร่วมมือเป็อย่างดี แต่ตรงข้ามกับรถบรรทุกในท้องถิ่น ที่ยังฝ่าฝืนอยู่เนืองๆ จะให้ตามจับตามตรวจบ่อยๆไม่ไหว เพราะงบประมาณและเจ้าหน้าที่มีไม่เพียงพอ อย่างดีก็ได้สุ่มตรวจเดือนละครั้ง
เมื่อมาพิจารณาดูแล้ว ถนนในจังหวัดเลยที่ผุพังก็มีสาเหตุมาจากนายทุนท้องถิ่นนี่เอง เมื่อถนนพังแล้ว หน่วยงานราชการก็จ้างเหมาให้ซ่อม เรียกว่าได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง
เท่านั้นยังไม่พอ ถนนดีๆ ที่สร้างมาเกือบยี่สิบปีอย่างถนนมลิวรรณ พี่ก็ไปรื้อออก แล้วทำใหม่ ทำให้ดีกว่าเดิมจะไม่ว่าเลย นี่ซ่อมเสร็จไม่ถึงเดือนก็เริ่มพังแล้ว เหมือนเอาดินน้ำมันมาปูทับพื้นแข็งๆ รถบรรทุกหนักของท่านวิ่งทับไม่ทันไรก็ปูดโปน ผุพังเสียแล้ว เป็นประชาชนผู้เสียภาษี ใช้รถใช้ถนนเห็นแล้วก็เจ็บปวด ถนนเมืองท่องเที่ยวควรให้เนี๊ยบเข้าไว้ แขกคนมาเยือนเขาจะได้ประทับใจ มาแล้วมาอีก
จากปริมาณรถบรรทุกในจ.เลย ทั้งรถบรรทุกหิน บรรทุกพืชผลทางการเกษตร บรรทุกเครื่องจักร บรรทุกน้ำมัน สินค้าส่งออกไปลาวที่เพิ่มขึ้นทุกปี ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะมีด่านชั่งน้ำหนักแบบถาวร เพราะหวังรอ “จิตสำนึก” จากนายทุนให้บรรทุกน้ำหนักตามที่กฎหมายกำหนดคงยากเต็มที
อย่างไรก็ตาม มาตรการที่เริ่มเห็นผลแล้วก็คือ รถบรรทุกอ้อย ปีนี้น่ารักมาก ต้องขอชื่นชมทั้งผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลทั้งสองแห่ง ผู้ประกอบการรถบรรทุกและเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการ โดยเฉพาะทหาร ทำให้ประชาชนรูัสึกปลอดภัยมากขึ้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น