โดยเฉพาะที่บ้านบุ่งกุ่ม ต.นาหอ อ.ด่านซ้าย มีแหล่งต้นสะทอนซึ่งเป็นไม้ยืนต้นขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นที่ภูเตาโปง และที่สำคัญภูเตาโปง มีต้นสะทอนใหญ่ที่สุดใหญ่ที่สุดในแถบนี้ด้วย ซึ่งชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์ป่าไว้ได้อย่างดี จนกลายเป็นป่าชุมชนขนาดใหญ่ พื้นที่กว่า 4,000 ไร่ ได้รับรางวัลป่าชุมชนรองชนะเลิศระดับประเทศจากกรมป่าไม้มาแล้ว
นางวราภรณ์ เสนานุช ชาวบ้านบุ่งกุ่ม เล่าถึงวิธีการทำน้ำผักสะทอนว่า เริ่มจากไปเก็บใบต้นสะทอนในป่า แล้วนำมาตำด้วยครกมอง หรือใช้เครื่องตัดหญ้าปั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ หลังจากน้ำนำมาใส่โอ่ง เติมน้ำ หมักไว้ 2- 3 วัน แล้วแยกน้ำออกจากใบสะทอน นำไปเคี่ยวในกะทะให้กลายเป็นน้ำสีน้ำตาลเข้ม ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ใส่ถังไว้รอให้เย็นแล้วเทใส่ขวดไว้ปรุงอาหาร เก็บได้นานกว่า 8 เดือนโดยไม่ใช้วัตถุกันเสียหรือสารปรุงแต่งแต่อย่างใด เหลือจากการรับประทานในครัวเรือนก็ขายขวดละ 120 บาท ส่วนเศษใบผักสะทอนที่เหลือ ก็นำไปเพาะเห็ดไว้รับประทานได้อีก
ทั้งนี้ น้ำผักสะทอน โครงการวิจัยพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิวเศวัฒนธรรมภูเตาโปง โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย คัดเลือกให้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ชุมชนบ้านบุ่งกุ่ม ต.นาหอ อ.ด่านซ้าย จ.เลย ที่จะมีการพัฒนาคุณภาพและบรรจุภัณฑ์เป็นสินค้าสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านอีกทางหนึ่งด้วย.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น