นายวิจิตร เจียมวิจิตรกุล |
บริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด (มหาชน)
เตรียมขยายธุรกิจเหมืองแร่ พลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ สร้างความเติบโต
และมั่งคงในอนาคต ลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเตรียมเพิ่มทุนรอบ 2
เพื่อนำเงินมาลงทุนกว่า 1.4 พันล้านบาท
นายวิจิตร เจียมวิจิตรกุล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทุ่งคาฮาร์เบอร์ จำกัด
(มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เตรียมขยายการลงทุนใน 3 ธุรกิจ ประกอบด้วย
ธุรกิจเหมืองแร่ ธุรกิจพลังงาน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างความเติบโตให้กับบริษัทฯอย่างยั่งยืนในอนาคต
โดยจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ
ที่จะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ซึ่งคาดว่าจะระดมทุนได้
ประมาณ 1,400 ล้านบาท เพื่อลงทุนในธุรกิจเหมืองแร่และพลังงานทางเลือก ประมาณ 800
ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประมาณ 400 ล้านบาท
และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนวันของบริษัทฯ
สำหรับธุรกิจเหมืองแร่
จะมีการลงทุนในสหภาพเมียนมา ซึ่งบริษัทฯ ได้เซ็นสัญญาตั้งแต่กลางปี พ.ศ.2559
ในการรับจ้างบริหารและดำเนินการติดตั้งเครื่องจักรเพื่อผลิตดีบุกแบบครบวงจรให้กับ
2 บริษัท รวม 4 พื้นที่ ขนาดเนื้อที่รวมประมาณ 2,290.14 เอเคอร์ ในเมืองมะริด (Myeik)
โดยเริ่มผลิตดีบุกตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา
และมีเป้าหมายกำลังการผลิตที่ 120 ตันต่อเดือน
นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทที่มีแหล่งแร่ดีบุกที่มีคุณภาพอีกหลายพื้นที่ในเมืองมะริด
(Myeik) เมืองทวาย (Dawei) และรัฐฉาน
(Shan State) อีกทั้งยังมีแผนการที่จะสร้างโรงแต่งแร่ดีบุกเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่แร่ที่ผลิตได้จากการทำเหมืองดีบุก
ขณะเดียวกัน การลงทุนใน สปป.ลาว ปัจจุบัน
บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับ บริษัท Sojitz Corporation ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น
และบริษัทเทรดดิ้งที่มีการลงทุนในหลายธุรกิจทั่วโลกรวมทั้งมีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจการจำหน่ายปุ๋ยเป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทย
เพื่อศึกษาเทคโนโลยีการทำเหมืองโปแตส การตลาด และพัฒนาผลิตภัณฑ์
รวมไปถึงการลงทุนเหมืองโปแตสในพื้นที่แขวงกำแพงนครหลวงเวียงจันทน์ (Vientiane
Municipality) ซึ่งเหมืองนี้มีความพร้อมในการผลิตแล้ว
คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี พ.ศ. 2560
นายวิจิตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2560 นี้
ถือเป็นปีที่ดีมาก เนื่องจากบริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจเหมืองแร่มาเป็นเวลากว่า 111
ปี โดยเริ่มต้นจากการทำเหมืองแร่ดีบุกในพื้นที่อ่าวภูเก็ต ตั้งแต่ปี 2449
โดยเริ่มต้นจากการทำเหมืองแร่ดีบุกในพื้นที่อ่าวภูเก็ต โดยกัปตัน เอ็ดเวิร์ด ที
ไมล์ส ชาวออสเตรเลีย ผู้ก่อตั้งบริษัทฯ ซึ่งได้เริ่มมีแนวคิดจากการสังเกตเห็นวิธีการทำเหมืองแร่ของชาวจีนที่ภูเก็ตในปี
2448 จึงได้พัฒนาเครื่องมือและลงทุนในการทำธุรกิจนี้
บริษัทฯ
ยังอยู่ระหว่างพิจารณาความคุ้มค่าในการลงทุนในเหมืองทอง เหมืองเงิน
และเหมืองทองแดง ที่มีศักยภาพและปริมาณสำรองสูงมาก
ซึ่งจะทำให้รับผลตอบแทนการลงทุนสูง
และได้เข้าสำรวจทางธรณีวิทยาในพื้นที่ที่มีศักยภาพ
กับหลายบริษัทในพื้นที่แขวงเวียงจันทน์(Vientiane) แขวงจำปาศักดิ์
(Champasak) และแขวงอัตตะปือ(Attapeu) รวม
5 พื้นที่
ส่วนการขยายธุรกิจพลังงานทดแทน บริษัทฯ
ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัทผู้ประกอบกิจการด้านพลังงานทดแทน
เพื่อพัฒนาธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศไทยและต่างประเทศ ขณะนี้ได้ศึกษาวิเคราะห์สถานะของกิจการพลังงานที่ผลิตไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์
(COD) แล้ว 2 โครงการกำลังการผลิตรวมประมาณ 10
เมกะวัตต์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี พ.ศ. 2560
โดยมีเป้าหมายที่จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยประมาณ 10 – 20 เมกะวัตต์
ภายในปี พ.ศ. 2561 ซึ่งจะทำให้ได้รับผลตอบแทนที่แน่นอนและเสริมความมั่นคงและแข็งแรงให้กับบริษัทฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น