จากการที่สภาพอากาศที่จังหวัดเลยร้อนและแห้งแล้ง
โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอภูเรือ ที่มีสภาพภูมิประเทศร้อยละ 90 เป็นภูเขา
พื้นที่ทางการเกษตรส่วนใหญ่อยู่บนภูเขา เสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ป่าเป็นอย่างมาก ในแต่ละปี
หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ปัญหาไฟป่า
ได้สูญเสียงบประมาณในการทำแนวกันไฟ
และออกประชาสัมพันธ์ปลุกจิตสำนึกให้ชาวบ้านทราบถึงผลเสียของไฟป่า แต่ยังมีบางพื้นที่ของอำเภอภูเรือ
ที่ชาวบ้านร่วมกันคิดค้นหาวิธีป้องกันไฟป่าด้วยตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพางบประมาณจากภาครัฐ
ที่บ้านกลาง ต.ปลาบ่า
อ.ภูเรือ จ.เลย
เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันทำแนวกันไฟด้วยแปลงผัก
รอบพื้นที่แปลงปลูกป่าของชุมชน ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดี
นายเชิด สิงห์คำป้อง
ผู้ริเริ่ม “โครงการแนวกันไฟกินได้”
อดีตกำนันตำบลปลาบ่า เล่าว่า แนวกันไฟกินได้ เริ่มทำกันเมื่อปี 2553 หลังจากที่มีโครงการปลูกป่าของหมู่บ้าน พื้นที่
2,000 ไร่ ซึ่งเดิมเป็นที่ทำเลเลี้ยงสัตว์
ชาวบ้านจึงมาช่วยกันคิดว่าจะป้องกันไฟป่า ไม่ให้ไหม้พื้นที่ปลูกป่าได้อย่างไร
จึงเห็นพ้องต้องกันว่า จะทำแปลงผักตามแนวขอบป่าซึ่งมีลำห้วยล้อมรอบอยู่แล้ว
โดยจากเดิมชาวบ้านได้ปลูกผักปลอดสารพิษกันอยู่แล้ว
จึงพากันย้ายแปลงผักออกมาทำเป็นแนวกันไฟไปในตัว ระยะทางยาวประมาณ 3 กิโลเมตร
ซึ่งเดิมนั้นการทำแนวกันไฟ
ต้องใช้วิธีการถากถางป่าเป็นประจำทุกปี
ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณและแรงงานชาวบ้านเป็นอย่างมาก การทำแปลงปลูกผักจึงเป็นการสร้างแนวกันไฟอย่างยั่งยืน สมาชิกทั้ง 27
ครัวเรือนต้องดูแลรักษาแปลงผักของตัวเอง
ทำให้ปัญหาไฟป่าลุกลามเข้าพื้นที่ปลูกป่าของชุมชนลดลง
บางปีแทบไม่มีเกิดขึ้นเลย
นายเชิดกล่าวว่า การปลูกผักเป็นแนวกันไฟ
จึงเป็นนวัตกรรมใหม่ที่คิดค้นโดยชาวบ้านกลาง สิ่งที่ได้ตามมาคือ ความสามัคคี ชาวบ้านมีรายได้จากการขายผักปลอดสารพิษ
ที่สำคัญคือมีสุขภาพที่ดีจากการนำผักไปรับประทานในครัวเรือน ประหยัดค่าใช้จ่ายในการประกอบอาหารได้มาก
และยังเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน สำหรับผักที่ปลูกมีหลายชนิด เช่น กะหล่ำปลี
ผักกาด ผักคะน้า และพืชผักสวนครัว โดยมีน้ำใช้รดผักตลอดทั้งปี
ซึ่งชุมชนได้ทำฝายเก็บกักน้ำไว้บนภูเขา กลางพื้นที่ปลูกป่า
และส่วนหนึ่งก็นำน้ำจากลำห้วยขึ้นมารดเลี้ยงผัก
ชุมชนอื่นๆ
ที่อยากนำวิธีการนี้ไปปรับใช้
ชาวบ้านก็ยินดีให้คำปรึกษา และศึกษาดูงาน
ติดต่อได้ที่นายเชิด สิงห์คำป้อง
โทร.095-7013139.
x
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น