นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม
ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย
พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
ได้เข้าตรวจสอบผ้าพระบฏภายในโบสถ์วัดมหาธาตุ อ.เชียงคาน
ที่เชื่อว่ามีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งถูกค้นพบระหว่างที่คณะทำงานศึกษากลั่นกรองประวัติและความเป็นมาของเมืองเชียงคาน
เข้ารวบรวมข้อมูลภายในวัด
ผ้าพระบฏดังกล่าวมีขนาดกว้าง
2.60 เมตร
ยาว 7.20 เมตร เป็นผ้าฝ้ายทอเย็บติดกัน 4 ผืน ส่วนบนเขียนเป็นภาพรอยพระพุทธบาทซ้อนกัน 4 รอย
มีภาพตาลปัตรอยู่ทางซ้าย ภาพ ภาพพระพัชนี (พัด) อยู่ทางขวา และมีภาพฉัตร 5 ชั้นขนาบอยู่ทั้งสองข้าง
ส่วนล่างภาพค่อนข้างเลือนรางมาก ตอนท้ายมีข้อความที่เขียนด้วยอักษรธรรม
แต่เลือนลางมากเช่นกัน
กึ่งกลางผืนผ้าวาดเป็นภาพเขาพระสุเมรุแวดล้อมด้วยสัตบริภัณฑ์
เหนือเขาพระสุเมรุมีไพชยนตปราสาทซึ่งเป็นที่ประทับของพระอินทร์ซ้อนทับอยู่ส่วนส้นพระบาทที่เล็กที่สุด
แวดล้อมด้วยดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
ดร.ธีระวัฒน์ แสนคำ
อาจารย์ด้านประวัติศาสตร์ สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย กล่าวว่า
เป็นรูปแบบศิลปกรรมที่ปรากฏตามอารามสำคัญในกรุงเทพฯ ส่วนปลายพระบาทมีการวาดภาพสัตว์มงคลต่างๆ เช่น
สิงห์ ช้าง และคชสีห์ เป็นต้น และมีภาพสัญลักษณ์แทนด้วยทวีปทั้งสี่แวดล้อมอยู่
นอกจากนี้ ยังมีภาพพระพุทธเจ้า ภาพเทวดา และภาพบุคคลที่สันนิษฐานว่าเป็นภาพพระศรีอาริย์อยู่ด้วย
สำหรับลักษณะงานศิลปกรรมที่พบ
สันนิษฐานว่าเป็นงานศิลปกรรมที่ผสมผสานทั้งศิลปะพื้นบ้านล้านนา
ศิลปะอย่างราชสำนักกรุงเทพฯ และศิลปะท้องถิ่น
ผ้าพระบฏนี้น่าจะสร้างขึ้นในช่วงที่เมืองเชียงคานมีความสัมพันธ์กับราชสำนักกรุงเทพฯ
ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 24 ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 25 หรือในช่วง สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เมืองเชียงคานเริ่มมีขุนนางที่ราชสำนักกรุงเทพฯ
ส่งมาช่วยเจ้าเมืองปกครอง มีความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ
และมีกลุ่มคนจากบ้านเมืองต่างๆ เข้ามาติดต่อค้าขายเป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ดี
หากมีการอ่านและปริวรรตข้อความอักษรธรรมที่ปรากฏอยู่ด้านล่างแผ่นผ้า อาจทำให้ทราบข้อมูลการสร้างที่ชัดเจนยิ่งขึ้น หากมีการอ่านและปริวรรตข้อความอักษรธรรมที่ปรากฏอยู่ด้านล่างแผ่นผ้า
อาจทำให้ทราบข้อมูลการสร้างที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ดร.ธีระวัฒน์ กล่าว
ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย
กล่าวหลังเข้าชมผ้าพระบฏว่า
หลังจากนี้จะประสานกับกรมศิลปากร
เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการวางแผนการอนุรักษ์ พร้อมทั้งอ่านตัวอักษรบนผืนผ้า เพื่อวิเคราะห์ว่ามีอายุเก่าแก่เท่าใด
รูปภาพที่ปรากฏมีที่มาอย่างไรบ้าง
เพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบ รวมทั้งการทำแผ่นผ้าจำลอง
เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาชื่นชมถึงความเจริญรุ่งเรืองด้านพระพุทธศาสนาของเมืองเชียงคานในอดีต.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น