จากกรณีที่มีการเผยแพร่โพสต์บนเฟซบุ๊คและไลน์ว่า มีการพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่อำเภอปากชม จ.เลย และในพื้นที่อำเภอเมืองเลย ซึ่งทั้งสองรายนั้นได้เดินทางกลับมาจากประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น ได้สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประชาชนทั่วไปในขณะนี้นั้น
ส่วนกรณีที่อำเภอเมืองเลยก็เช่นเดียวกัน มีบุคคลที่เดินทางกลับมาจากประเทศญี่ปุ่น ทางเจ้าหน้าที่ได้ขอให้มาตรวจ และให้อยู่ในห้องกักโรค รอดูอาการตามระยะเวลาที่กำหนด ขณะนี้ยืนยันว่า ยังไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดเลยแต่อย่างใด มีเพียงกลุ่มบุคคลที่ต้องเฝ้าดูอาการเท่านั้น
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย กล่าวอีกว่า ข่าวที่ออกไปก็อาจจะเหมือนกับว่าเรามีผู้ป่วยโรคโควิด-19 แต่เป็นเพียงบุคคลที่ต้องเฝ้าระวัง สังเกตุอาการเท่านั้น ซึ่งก็เป็นมาตรการป้องกันในเชิงรุกที่เราพยายามให้บุคลากรด้านสาธารณสุขของโรงพยาบาลทุกแห่งรายงานเข้ามา เมื่อไหร่ที่มีคนเดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงหรือว่ามีบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 เมื่อเข้ามาในพื้นที่จังหวัดเลย เรามีระบบรายงานข้อมูลที่รวดเร็ว แล้วต้องส่งเจ้าหน้าที่ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลตัวเองอย่างไร เมื่อมาตรวจรักษาที่โรงพยาบาล ก็จะมีช่องทางพิเศษสำหรับคัดกรอง ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ ไม่ให้ไปปะปนกับผู้ป่วยทั่วไป หรือประชาชนที่มารอรับบริการ
"ข่าวบางอย่างก็ทำให้ประชาชนตื่นตัวในการป้องกัน เฝ้าระวังดูและตนเอง แต่ข่าวบางอย่างก็สร้างความไม่สบายใจให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะ จังหวัดเลยก็เป็นเมืองท่องเที่ยวด้วย ก่อนที่จะโพสต์ข่าวหรือแชร์ ต้องตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงทั้งหมดเสียก่อน โดยเฉพาะต้องตรวจสอบจากโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง เรามีข้อมูลที่เชื่อถือได้ การเผยแพร่ข่าวลักษณะนี้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ อาจเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ป่วย เขาอาจจะได้รับผลกระทบในสังคม ดำเนินชีวิตประจำวันด้วยความยากลำบาก ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมายด้วย" นายปรีดากล่าว
นายแพทย์สาธารณสุขกล่าวอีกว่า นับตั้งแต่เริ่้มมีการระบาดของโรคโควิด-19 จังหวัดเลยได้บูรณาการทุกภาคส่วน ตามนโยบายและคำสั่งของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทย โดยได้คัดกรองกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางเข้ามาในจังหวัด ทั้งสนามบิน สถานีขนส่ง หรือด่านผ่านแดนเข้า-ออก สปป.ลาว รวมแล้วประมาณ 25,000 ราย แต่มีผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ในการสอบสวนโรคเพียง 8 รายเท่านั้น ซึ่งผลการตรวจออกมาแล้วก็ยังไม่มีผู้ใดติดเชื้อโรคโควิด-19 แต่อย่างใด แต่การป้องกันยังคงดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อไป ทั้งเชิงรับและรุก โรงพยาบาลชุมชนทั้งหมด และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทั้ง 127 แห่ง เรามีการสำรวจเวชภัณฑ์ที่จำเป็น 18 รายการ เช่น หน้ากากอนามัย หรืออุปกรณ์เฉพาะที่ต้องใช้ดูแลรักษาผู้ป่วย ตรวจเช็คกันเป็นรายวัน มีการจัดเตรียมห้องแยกโรค ในกรณีที่มีผู้ป่วยที่เข้าข่ายเดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดเลย และออกประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงการป้องกันดูแลตนเองและผู้อื่น โดยเฉพาะในกรณีที่มีผู้ที่ทำงานในประเทศเกาหลีเดินทางกลับมา เรามี อสม.จะคอยรายงาน ดูแลอย่างใกล้ชิด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลยกล่าว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น