วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2563

ชื่มชมหนุ่มหนองหินกลับจากญี่ปุ่น 8 วันยังไม่เข้าบ้าน กางเต็นท์นอนนา ไร้ไฟฟ้า-ประปา



จากการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19  โดยกำหนดให้ผู้ที่เดินทางจากประเทศเสี่ยงต้องกักตัวเอง เพื่อเฝ้าดูอาการเป็นเวลา 14 วัน  ซึ่งในพื้นที่จังหวัดเลย มีบุคคลที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หลายราย



นายพิทักษ์  พุทธวอร์  หนุ่มหนองหินวัย 36 ปี  ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในบัญชีประเทศกลุ่มเสี่ยง  เขายินดีสมัครใจเข้าสู่กระบวนการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด  แม้ไม่ได้มีอาการป่วยที่ส่อเข้าข่ายแต่อย่างใด  โดยหลังจากเดินทางมาถึงไทยและอำเภอหนองหิน จังหวัดเลยบ้านเกิด ก็มุ่งหน้าไปที่กระท่อมปลายนาของพ่อแม่ทันที โดยยังไม่ได้ย่างกรายเข้าไปเหยียบบ้านเลย  นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลาครึ่งทางสำหรับการกักตัว 14 วัน 




พิทักษ์เปิดเผยกับทีมข่าวเลยไทม์ออนไลน์ว่า  ตนเป็นพนักงานบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี ได้เดินทางไปฝึกอบรมงานที่ประเทศญี่ปุ่น 1 ปี  ครบกำหนดเดินทางกลับวันที่ 7 มีนาคม 2563  ซึ่งเป็นช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19  ก่อนหน้าที่จะเดินทางกลับ  ตนและเพื่อนๆก็เฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่อย่างต่อเนื่อง  ที่ศูนย์ฝึกอบรม ได้มีการวัดอุณหภูมิร่างกายพนักงานทุกคนก่อนปฏิบัติงาน ทุกวันตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา 

จนกระทั่งถึงวันที่ต้องเดินทางกลับ  ก่อนขึ้นเครื่องและอยู่บนเครื่อง ตนมีหน้ากากปิดจมูก 2 ผืน ไม่เปิดหน้ากาก และไม่กินอะไรทั้งวัน  หลังจากลงเครื่อง บริษัทส่งรถตู้มารับกลับบ้านที่ชลบุรี  ตนได้นัดแนะกับภรรยาที่บ้าน ให้เตรียมของใช้ที่จำเป็น สำหรับการใช้ชีวิตกักตัวเอง 14 วันใส่รถไว้ให้  และเตรียมรถจอดไว้หน้าบ้าน ผมมีเวลาคุยกันกับภรรยาประมาณ 10 นาที ยืนห่างกันราว 10 เมตรได้  โดยที่ตนไม่ได้เข้าไปเหยียบในบ้านของตัวเองเลย ยืนคุยกับภรรยาอยู่ด้านนอกของรั้วบ้าน



รถไถเป็นเครื่องปั่นไฟ-สูบน้ำ
 
จากนั้นตนก็ขับรถจากบ้านที่ชลบุรีมุ่งหน้ามายังบ้านเกิดที่จังหวัดเลย เป้าหมายแรกคือเถียงนา  ในระหว่างเดินทาง อาหารมื้อแรกก็ตกถึงท้อง ก็คืออาหารในปิ่นโตที่ภรรยาเตรียมไว้ให้   จนกระทั่ง เช้าของวันที่ 8  มีนาคม  ก็เดินทางมาถึงเถียงนา ซึ่งทางบ้านที่จังหวัดเลยได้เตรียมไว้รองรับในระดับหนึ่งแล้ว  แต่ก็ต้องเจออุปสรรคหลายอย่าง

“เมื่อคนในหมู่บ้านทราบข่าวว่ามีคนเดินทางจากต่างประเทศเข้ามาก็เป็นกังวล กลัวไวรัสที่กำลังระบาดอยู่  ข่าวแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว   ชาวบ้านต่างก็กลัวผมเป็นอย่างมาก  ซึ่งจริงๆแล้วผมยังไม่ได้เข้าไปเหยียบในหมู่บ้านเลย   แต่อย่างไรก็ตามปัญหานี้ก็คลี่คลายลงเมื่อเช้าวันถัดมา  เมื่อผู้นำชุมชนและเจ้าหน้าที่อสม.ได้ประสานงาน ร่วมกับสาธารณสุขอำเภอหนองหินเข้ามาทำความเข้าใจกับชาวบ้านถึงสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19  และวิธีการป้องกันรวมทั้ง ความรู้ต่างๆเกี่ยวข้องกับวิธีการป้องกันตัวเอง ทำให้ชาวบ้านมีความเข้าใจมากขึ้น  และคลายความกังวลลงไปได้” พิทักษ์กล่าว


อาหารสดที่ทางซีพีนำมาส่งให้ฟรี 

เจลล้างมือสำหรับคนที่มาเยี่ยมหรือส่งข้าวส่งน้ำ
พิทักษ์เล่าวอีกว่า  ส่วนความเป็นอยู่ที่กระท่อมปลายนานั้น ไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปา  แต่ด้วยความที่ว่าครอบครัวของตนเป็นเกษรกร มีบ่อน้ำบาดาลอยู่บริเวณเถียงนาด้วย จึงใช้เครื่องปั่นไฟดูดน้ำขึ้นมาใช้อุปโภค และชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อให้แสงสว่างในเวลากลางคืน รวมถึงกาต้มน้ำร้อน  ส่วนอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ก็ถูกแยกออกจากคนในครอบครัวอย่างชัดเจน แม้กระทั่งอาหารที่นำมาส่ง จะถูกใส่ถุงพลาสติกและแขวนไว้ที่หน้ากระท่อม  ซึ่งตนก็จะมีแอลกอฮอล์ไว้สำหรับให้คนที่มาส่งอาหาร ได้ทำความสะอาดมือก่อนที่จะกลับเข้าบ้าน  



สภาพที่พัก อากาศร้อนมาก และอย่างที่รู้ๆกันว่านอนคนเดียวคนเดียวมันน่ากลัวขนาดไหน ทุกๆวัน ตนจะมีการวัดไข้วันละ 3 รอบ เช้ากลางวัน  เย็น แล้วส่งให้กับผู้บริหารและพยาบาลที่บริษัทรวมทั้งเจ้าหน้าที่รพ.สต.ของตำบลปวนพุด้วย   และเจ้าหน้าที่อนามัยก็ได้แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมเป็นประจำ  ผู้บริหารที่บริษัทก็คอยคุยผ่านทางไลน์กลุ่มทุกวัน ติดตามอาการอย่างดีมาตลอด

“ขณะนี้ผมติดตามสังเกตอาการตัวเองมาวันนี้ (14 มีนาคม 2563)  เข้าสู่วันที่ 8 แล้ว ก็ถือว่ายังปกติดี  คิดถึงพ่อแม่ญาติพี่น้องอย่างมาก อยู่ห่างกันแค่นี้ยังไม่ได้เจอกันแบบใกล้ชิด  แต่ก็บอกตัวเองว่าต้องอดทน ต้องอยู่ให้ได้  ผมขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เป็นกำลังใจ สิ่งที่ผมทำอยู่นี้ เป็นการรับผิดชอบต่อตนเอง  เป็นเพียงกำลังเล็กๆที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง และผมคิดว่าถ้าผมทำได้ ทุกคนก็ทำได้ สังคมจะดีต้องเริ่มต้นที่คนในสังคมต้องเป็นคนดีครับ”  นายพิทักษ์กล่าว.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น