จากการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19
โดยกำหนดให้ผู้ที่เดินทางจากประเทศเสี่ยงต้องกักตัวเอง
เพื่อเฝ้าดูอาการเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งในพื้นที่จังหวัดเลย
มีบุคคลที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หลายราย
นายพิทักษ์ พุทธวอร์
หนุ่มหนองหินวัย 36 ปี ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น
หนึ่งในบัญชีประเทศกลุ่มเสี่ยง เขายินดีสมัครใจเข้าสู่กระบวนการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด แม้ไม่ได้มีอาการป่วยที่ส่อเข้าข่ายแต่อย่างใด โดยหลังจากเดินทางมาถึงไทยและอำเภอหนองหิน จังหวัดเลยบ้านเกิด
ก็มุ่งหน้าไปที่กระท่อมปลายนาของพ่อแม่ทันที โดยยังไม่ได้ย่างกรายเข้าไปเหยียบบ้านเลย นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลาครึ่งทางสำหรับการกักตัว
14 วัน
พิทักษ์เปิดเผยกับทีมข่าวเลยไทม์ออนไลน์ว่า
ตนเป็นพนักงานบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี
ได้เดินทางไปฝึกอบรมงานที่ประเทศญี่ปุ่น 1 ปี ครบกำหนดเดินทางกลับวันที่ 7 มีนาคม 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ก่อนหน้าที่จะเดินทางกลับ ตนและเพื่อนๆก็เฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่อย่างต่อเนื่อง
ที่ศูนย์ฝึกอบรม ได้มีการวัดอุณหภูมิร่างกายพนักงานทุกคนก่อนปฏิบัติงาน
ทุกวันตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา
จนกระทั่งถึงวันที่ต้องเดินทางกลับ ก่อนขึ้นเครื่องและอยู่บนเครื่อง ตนมีหน้ากากปิดจมูก
2 ผืน ไม่เปิดหน้ากาก
และไม่กินอะไรทั้งวัน หลังจากลงเครื่อง
บริษัทส่งรถตู้มารับกลับบ้านที่ชลบุรี ตนได้นัดแนะกับภรรยาที่บ้าน
ให้เตรียมของใช้ที่จำเป็น สำหรับการใช้ชีวิตกักตัวเอง 14
วันใส่รถไว้ให้ และเตรียมรถจอดไว้หน้าบ้าน
ผมมีเวลาคุยกันกับภรรยาประมาณ 10 นาที ยืนห่างกันราว 10 เมตรได้ โดยที่ตนไม่ได้เข้าไปเหยียบในบ้านของตัวเองเลย
ยืนคุยกับภรรยาอยู่ด้านนอกของรั้วบ้าน
รถไถเป็นเครื่องปั่นไฟ-สูบน้ำ |
จากนั้นตนก็ขับรถจากบ้านที่ชลบุรีมุ่งหน้ามายังบ้านเกิดที่จังหวัดเลย
เป้าหมายแรกคือเถียงนา ในระหว่างเดินทาง อาหารมื้อแรกก็ตกถึงท้อง
ก็คืออาหารในปิ่นโตที่ภรรยาเตรียมไว้ให้ จนกระทั่ง
เช้าของวันที่ 8 มีนาคม ก็เดินทางมาถึงเถียงนา ซึ่งทางบ้านที่จังหวัดเลยได้เตรียมไว้รองรับในระดับหนึ่งแล้ว
แต่ก็ต้องเจออุปสรรคหลายอย่าง
“เมื่อคนในหมู่บ้านทราบข่าวว่ามีคนเดินทางจากต่างประเทศเข้ามาก็เป็นกังวล
กลัวไวรัสที่กำลังระบาดอยู่ ข่าวแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านต่างก็กลัวผมเป็นอย่างมาก ซึ่งจริงๆแล้วผมยังไม่ได้เข้าไปเหยียบในหมู่บ้านเลย
แต่อย่างไรก็ตามปัญหานี้ก็คลี่คลายลงเมื่อเช้าวันถัดมา
เมื่อผู้นำชุมชนและเจ้าหน้าที่อสม.ได้ประสานงาน
ร่วมกับสาธารณสุขอำเภอหนองหินเข้ามาทำความเข้าใจกับชาวบ้านถึงสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 และวิธีการป้องกันรวมทั้ง
ความรู้ต่างๆเกี่ยวข้องกับวิธีการป้องกันตัวเอง ทำให้ชาวบ้านมีความเข้าใจมากขึ้น และคลายความกังวลลงไปได้” พิทักษ์กล่าว
อาหารสดที่ทางซีพีนำมาส่งให้ฟรี |
เจลล้างมือสำหรับคนที่มาเยี่ยมหรือส่งข้าวส่งน้ำ |
พิทักษ์เล่าวอีกว่า ส่วนความเป็นอยู่ที่กระท่อมปลายนานั้น
ไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปา แต่ด้วยความที่ว่าครอบครัวของตนเป็นเกษรกร
มีบ่อน้ำบาดาลอยู่บริเวณเถียงนาด้วย จึงใช้เครื่องปั่นไฟดูดน้ำขึ้นมาใช้อุปโภค
และชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อให้แสงสว่างในเวลากลางคืน รวมถึงกาต้มน้ำร้อน ส่วนอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ก็ถูกแยกออกจากคนในครอบครัวอย่างชัดเจน
แม้กระทั่งอาหารที่นำมาส่ง จะถูกใส่ถุงพลาสติกและแขวนไว้ที่หน้ากระท่อม ซึ่งตนก็จะมีแอลกอฮอล์ไว้สำหรับให้คนที่มาส่งอาหาร
ได้ทำความสะอาดมือก่อนที่จะกลับเข้าบ้าน
สภาพที่พัก
อากาศร้อนมาก และอย่างที่รู้ๆกันว่านอนคนเดียวคนเดียวมันน่ากลัวขนาดไหน ทุกๆวัน ตนจะมีการวัดไข้วันละ
3 รอบ
เช้ากลางวัน เย็น แล้วส่งให้กับผู้บริหารและพยาบาลที่บริษัทรวมทั้งเจ้าหน้าที่รพ.สต.ของตำบลปวนพุด้วย
และเจ้าหน้าที่อนามัยก็ได้แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมเป็นประจำ
ผู้บริหารที่บริษัทก็คอยคุยผ่านทางไลน์กลุ่มทุกวัน
ติดตามอาการอย่างดีมาตลอด
“ขณะนี้ผมติดตามสังเกตอาการตัวเองมาวันนี้
(14
มีนาคม 2563)
เข้าสู่วันที่ 8 แล้ว ก็ถือว่ายังปกติดี คิดถึงพ่อแม่ญาติพี่น้องอย่างมาก อยู่ห่างกันแค่นี้ยังไม่ได้เจอกันแบบใกล้ชิด
แต่ก็บอกตัวเองว่าต้องอดทน ต้องอยู่ให้ได้
ผมขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เป็นกำลังใจ
สิ่งที่ผมทำอยู่นี้ เป็นการรับผิดชอบต่อตนเอง เป็นเพียงกำลังเล็กๆที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง และผมคิดว่าถ้าผมทำได้ ทุกคนก็ทำได้ สังคมจะดีต้องเริ่มต้นที่คนในสังคมต้องเป็นคนดีครับ” นายพิทักษ์กล่าว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น