เมื่อวันที่ 10
มิถุนายน 2563 กลุ่มชาวบ้านจากอำเภอปากชม
และอำเภอเชียงคาน จ.เลย กว่า 50 คน นำโดยนายกัญจน์ วงศ์อาจ และนางเสาวรักษ์ ดาปี กำนันตำบลหาดคัมภีร์ ได้เดินทางมารอยื่นหนังสือต่อ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่เดินทางมาเปิดบ่อน้ำบาดาล
แก้ปัญหาภัยแล้งที่บ้านสะอาด
ตำบลน้ำสวย อ.เมือง จ.เลย
เพื่อขอให้รัฐบาลยับยั้งโครงการก่อสร้างเขื่อนพลังไฟฟ้าสานะคาม
ห่างจากปากแม่น้ำเหือง บ้านท่าดีหมี อ.เชียงคาน ที่กำลังก่อสร้างสกายวอล์ค
แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเชียงคาน เพียง 2 กิโลเมตร ซึ่งมีลุ่มทุนประเทศจีน รัฐบาล สปป.ลาว
และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยร่วมดำเนินโครงการ แต่กลุ่มชาวบ้านไม่สามารถจะเข้ายื่นข้อเรียกร้องได้
เนื่องจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
อย่างไรก็ตาม
เมื่อวานนี้ นายสิริวิชญ์ กลิ่นภักดี
ผู้ช่วยเลขาธิการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้เดินทางมารับหนังสือเรียกร้องจากกลุ่มชาวบ้าน
ที่ที่ว่าการอำเภอปากชมแล้ว โดยจะนำข้อเสนอของชาวบ้านไปให้ที่ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา
นางเสาวรักษ์
ดาปี กำนันตำบลหาดคัมภีร์ อ.ปากชม
หนึ่งในแกนนำชาวบ้าน ที่มารอพบรองนายกรัฐมนตรีในวันนี้ เปิดเผยว่า เหตุที่ต้องคัดค้านการสร้างเขื่อนในลาว
ห่างจากชายแดนไทยเพียง 2 กิโลเมตร เกรงว่า จะเกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
ระบบนิเวศในแม่น้ำโขงจะเปลี่ยนแปลงไป ทำให้มีผลกระทบด้านเศรษฐกิจ
วิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำโขงในประเทศไทย ซึ่งชาวบ้านไม่ได้คัดค้านอย่างสิ้นเชิง เพียงอยากเรียกร้องให้ทางรัฐบาล
หารือกับทางการลาว และประเทศจีน
ให้ย้ายจุดก่อสร้างมาที่แม่น้ำโขงบ้านหาดคัมภีร์ อ.ปากชม
เพื่อให้คนไทยได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วย และเป็นห่วงเรื่องโครงสร้าง
มาตรฐานการก่อสร้างอาจมีข้อบกพร่อง ชาวบ้านอาจได้รับผลกระทบ จากเขื่อนชำรุด แตกพัง
ซึ่งจุดที่พวกตนเสนอนี้
เป็นจุดเดิมที่เคยมีการสำรวจโครงการก่อสร้างเขื่อนปากชม ห่างจากจุดเดิมประมาณ 80 กิโลเมตร
ทั้งนี้
กลุ่มชาวบ้าน ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านโครงการก่อสร้างเขื่อนสานะคาม
ยื่นต่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการน้ำแห่งชาติ ระบุว่า ชาวโขงเลยมีความห่วง ในความปลอดภัยด้านการออกแบบของมาตรฐานเขื่อน
และการบริหารจัดการน้ำในระบบท้ายเขื่อนเป็นอย่างยิ่ง ที่ตั้งเขื่อน“สานะคาม”เป็นพื้นที่อ่อนไหวในทุกๆมิติทั้งทางเศรษฐกิจ-สังคม-ทางภูมินิเวศ-วัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง-สิ่งแวดล้อม-และภูมิรัฐศาสตร์ด้านความมั่นคงของประเทศตลอดท้ายเขื่อน
รัฐจึงควรต้องมีแผนงานเชิงระบบรองรับ
ทั้งราชการส่วนกลาง-ส่วนภูมิภาค-ส่วนท้องถิ่น-เอกชน-และประชาชน เชิงระบบ
ที่จะนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง
เสนอให้มีคณะทำงานพิเศษ ในพื้นที่ 2 ประเทศ เพื่อสร้างกระบวนการศึกษา ในประเด็นที่ตั้งเขื่อนทางเลือก
ที่มีวัตถุประสงค์หลักสู่การบริหารจัดการน้ำเป็นสำคัญ
ให้ประเด็นความต้องการไฟฟ้าเป็นประเด็นรอง และการพัฒนาพื้นที่ 2 ฝั่งน้ำร่วมกันเป็นประเด็นเสริม อีกทั้งส่งเสริมให้มีกระบวนการ
ให้เป็นความร่วมมือรัฐต่อรัฐ ตั้งแต่เมือง-จังหวัด
เพื่อเสนอเป็นที่สุดในระดับความเห็นชอบของ ครม.หรือรัฐสภา ของแต่ละฝ่ายเป็นที่สุด
สถานการณ์การท่องเที่ยวแบบเมืองโบราณของอำเภอเชียงคาน
กำลังเป็นเมืองพัฒนาด้านการท่องเที่ยว-การลงทุน ที่มีรายได้ครัวเรือนปรับตัวเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงข้อเสนอให้เกิดความร่วมมือกัน
ระหว่างหัวเมืองสองประเทศ ไปสู่ความร่วมมือทางนวัตกรรม
และการบริหารจัดการน้ำที่นำไปสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
และพัฒนากติกาต่างๆสู่ต้นแบบความร่วมมือพิเศษให้เป็นมรดกโลกทางนวัตกรรม
วิถีชีวิตในที่สุด แถลงการณ์ระบุ
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง
(MRC) ระบุว่า เขื่อนสานะคาม
เป็นโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำแบบน้ำไหลผ่าน (run-of-river) ขนาด 684
เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าจะมีความยาว 350 เมตร สูง 58 เมตร กังหันผลิตไฟฟ้า 12 ตัว
ตั้งอยู่ในเมืองสานะคาม ห่างจากชายแดนไทย-ลาว ที่จังหวัดเลย 2 กิโลเมตร
มูลค่าการก่อสร้างประมาณ 6.6 หมื่นล้านบาท (2,073
ล้านดอลลาร์ ) โดยโครงการจะใช้เงินประมาณ 870 ล้านบาท (27.2 ดอลลาร์)
ในการบรรเทาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคม รับผิดชอบโครงการโดย บริษัท ต้าถัง
(ลาว) สานะคาม ไฮโดรพาวเวอร์ จำกัด เป็นส่วนหนึ่งของ บริษัท ต้าถัง
รัฐวิสาหกิจของจีนวางแผนว่า จะส่งไฟฟ้ามาขายให้กับประเทศไทยเป็นหลัก.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น