เมื่อวันที่
19 สิงหาคม 2563 ที่ด่านพรมแดนนากระเซ็ง สะพานมิตรภาพน้ำเหืองไทย-ลาว
บ้านนากระเซ็ง ต.อาฮี อ.ท่าลี่ จ.เลย พ.อ.พิทักษ์พล
ชูศรี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ
กรมทหารพรานที่ 22 ค่ายศรีสองรัก
นำกำลังพลมาช่วยอำนวยความสะดวก รับชาวไทยจำนวน 19 คน
ที่ทำงานอยู่ในเขื่อนไชยะบุรี สปป.ลาว เดินทางกลับเข้าประเทศ
โดยมีฝ่ายปกครองอำเภอท่าลี่ สำนักงานจังหวัดเลย
เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอท่าลี่
เจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและควบคุมโรคที่ 8 (อุดรธานี)
เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรท่าลี่
และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเลย ทำการตรวจ คัดกรอง
ทั้งร่างกายและเอกสารต่างๆ ซึ่งทั้ง 19 คน
ได้รับการคัดกรองและรับรองจากสถานทูตไทยประจำนครหลวงเวียงจันทน์มาแล้ว
พ.อ.พิทักษ์พลเปิดเผยว่า กำลังพลจากหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 22 ได้มาช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่เดินทางกลับมาในราชอาณาจักรไทย
โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทางรัฐบาลไทยกำหนดไว้
หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนที่ด่านพรมแดนท่าลี่แล้ว จะนำคนไทยทั้ง 19 คนไปที่โรงแรมเลยออร์คิด ในตัวเมืองเลย สถานที่กักตัว 14 วัน
โดยทางเจ้าหน้าที่จะมีการควบคุมให้อยู่ในโรงแรมอย่างเข้มงวด
ไม่ให้ออกนอกพื้นที่โรงแรมเป็นอันขาด
ด้านหนึ่งคนไทยที่เดินทางกลับครั้งนี้เปิดเผยว่า
ตนและลูกสาวเดินทางไปเยี่ยมสามีที่ทำงานอยู่ในเขื่อนไชยะบุรี
ในช่วงที่ลูกปิดเทอม หลังจากนั้นก็เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด
จึงไม่สามารถกับประเทศไทยได้ เป็นเวลากว่า 5 เดือน รู้สึกคิดถึงบ้าน
ลูกสาวก็อยากกลับไปเรียนหนังสือ คิดถึงเพื่อนๆ
ต้องขอบคุณทางบริษัทของสามีและทางการลาว
รวมทั้งทางการไทยที่อนุญาตให้กลับบ้านได้
ความรู้สึกแรกที่ได้ข้ามแม่น้ำเหืองเข้ามาในฝั่งไทยดีใจมาก
ทั้งนี้
ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ระบุว่า
ค่าใช้จ่ายในการกักตัวในโรงแรม ทางการไทยเป็นผู้รับผิดชอบออกให้ หัวละ 20,000
บาท.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น