จากกรณีที่หญิงรายหนึ่งถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊คของตนเองเมื่อวานนี้
รายงานอุบัติเหตุชายไม่ทราบชื่อขับขี่รถจักรยานยนต์ล้มนอนคว่ำหน้าหมดสติอยู่ริมถนนหน้าใกล้ทางเข้าโรงพยาบาลภูหลวง อ.ภูหลวง
จ.เลย โดยบรรยายในคลิปว่า
ผ่านไปสามสิบนาที รถพยาบาลยังไม่มารับ ทั้งที่จุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากโรงพยาบาลเพียง
200 เมตร
หลังจากนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่พยาบาล
ขับรถจักรยานยนต์มา 2 คน พร้อมอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ปฐมพบาลผู้บาดเจ็บเบื้องต้น
ก่อนที่รถของอาสาสมัครมูลนิธิสว่างคีรีธรรม จุดภูหลวงจะมารับไปส่งโรงพยาบาล และหลังจากนั้น มีรถพยาบาลของโรงพยาบาลภูหลวงเดินทางมาถึงพอดี
ขณะที่ผู้ถ่ายทอดสดเดินกลับร้านค้าของตนที่อยู่ปากทางเข้าโรงพยาบาลนั้น อย่างไรก็ตาม
คลิปวิดีโอดังกล่าวได้ถูกลบออกไปแล้ว หลังจากที่ทางผู้บริหารโรงพยาบาลจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสาวเจ้าของคลิป
เมื่อช่วงเช้าววันนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ร้านค้าของผู้ถ่ายทอดสดเหตุการณ์ดังกล่าว แต่พบเพียงหญิงสูงอายุ
บอกด้วยสีหน้าท่าทางหวาดกลัวว่า ไม่รู้เรื่องเหตุการณ์ คนที่ถ่าย เขาอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ แล้วพยายามบ่ายเบี่ยงเดินหนีผู้สื่อข่าวเข้าไปหลังบ้าน
ต่อมา เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ญ.ประภาพรรณ จันทร์นาม
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูหลวง พร้อมด้วยผู้บริหาร
เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ภูหลวง
เพื่อให้ดำเนินคดีกับหญิงสาวที่ไลฟ์เฟซบุ๊คเหตุการณ์ดังกล่าว
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูหลวง เปิดเผยว่า จากการที่ตนได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด สอบถามเจ้าหน้าที่พยาบาล และดูเวลาสั่งการจากศูนย์วิทยุ 1669 แล้วพบว่าเจ้าหน้าที่พยาบาลเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุใช้เวลาเพียง 3-4 นาที ซึ่งเป็นเวลาตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ศูนย์สั่งการแจ้งว่าผู้บาดเจ็บหมดสติ
และเนื่องจากอยู่ใกล้โรงพยาบาล การใช้รถจักรยานยนต์ทำให้เข้าถึงที่เกิดเหตุเร็วกว่ารถยนต์
โดยได้แจ้งให้รถกู้ชีพของอาสาสมัครมูลนิธิสว่างคีรีธรรม จุดภูหลวง
ไปรับผู้บาดเจ็บด้วย
หญิงคนดังกล่าวไลฟ์สดว่า 30 นาที จึงเป็นข้อมูลเท็จ
เจ้าหน้าที่ทำงาน เริ่มตั้งแต่ เดินทางออกจากโรงพยาบาล ทำการปฐมพยาบาล
จนกระทั่งนำผู้ป่วยมาส่งที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลภูหลวง ใช้เวลาทั้งหมด 18 นาที และตอนนี้ผู้ป่วยอาการปลอดภัยแล้ว
ตนในฐานะตัวแทนขององค์กร โรงพยาบาลภูหลวง
ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการ พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐาน
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับผู้รับบริการและคนไข้
สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้โรงพยาบาลเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างใหญ่หลวง
และสูญเสียความเชื่อมั่น
ตนจึงต้องดำเนินการตามกระบวนการเพื่อให้เกิดความยุติธรรม
เจ้าหน้าที่พยาบาลทั้งสองคนที่ปฏิบัติงานตอนนี้สูญเสียขวัญกำลังใจมาก
ไม่ได้หมายความว่าประชาชนจะตำหนิการทำงานของทางราชการไม่ได้
แต่ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียน ไม่ให้เกิดการนำเสนอข้อมูลที่เป็นเท็จ
ความเชื่อมั่นต่อประชาชนที่ทางโรงพยาบาลได้สั่งสมมาเป็นระยะเวลายาวนาน
กลับสูญหายไปในเวลาไม่กี่นาที
พ.ญ.ประภาพรรณ กล่าว
ด้านนายชัยกฤษณ์
ปาละมี
พนักงานขับรถพยาบาลของโรงพยาบาลภูหลวง
เปิดเผยว่า
โรงพยาบาลภูหลวงมีรถกู้ชีพ หรือรถฉุกเฉิน 2 คัน
พนักงานขับรถ 2 คน เมื่อวานนี้เป็นเวรของตน
ตามปกติแล้ว ถ้าเป็นวันหยุด จะมีคนเข้าเวร 1
คน พัก 1 คน
แต่หากเกิดเหตุเร่งด่วนจำเป็นจริงๆ ก็โทรศัพท์ตามได้ตลอด ในช่วงที่เกิดเหตุ
ตนกำลังไปส่งผู้ป่วยที่โรงพยาบาลเลย
ขากลับตนกำลังจะเลี้ยวเข้าโรงพยาบาล จึงขับไปดู
ก็เห็นว่าพยาบาลกำลังช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และมีรถของอาสาสมัครมูลนิธิสว่างคีรีธรรม
จุดภูหลวงมารอรับ คนที่ถ่ายทอดสดลงเฟซบุ๊ค
อาจมีความขัดแข้ง ไม่พอใจส่วนตัวกับทางโรงพยาบาลอยู่แล้ว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น