จากกรณีที่หญิงรายหนึ่งใช้ชื่อในเฟซบุ๊คว่าลัดดาภรณ์ จันทิมา
ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊คของตนเองเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 16 สิงหาคม 2563 รายงานอุบัติเหตุชายไม่ทราบชื่อขับขี่รถจักรยานยนต์ล้มนอนคว่ำหน้าหมดสติอยู่ริมถนนหน้าใกล้ทางเข้าโรงพยาบาลภูหลวง อ.ภูหลวง
จ.เลย โดยบรรยายในคลิปว่า
ผ่านไปสามสิบนาที รถพยาบาลยังไม่มารับ
ทั้งที่จุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากโรงพยาบาลเพียง 200 เมตร
หลังจากนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่พยาบาล
ขับรถจักรยานยนต์มา 2 คน
พร้อมอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ปฐมพบาลผู้บาดเจ็บเบื้องต้น
ก่อนที่รถของอาสาสมัครมูลนิธิสว่างคีรีธรรม จุดภูหลวงจะมารับไปส่งโรงพยาบาล และหลังจากนั้น
มีรถพยาบาลของโรงพยาบาลภูหลวงเดินทางมาถึงพอดี
ขณะที่ผู้ถ่ายทอดสดเดินกลับร้านค้าของตนที่อยู่ปากทางเข้าโรงพยาบาลนั้น อย่างไรก็ตาม
คลิปวิดีโอดังกล่าวได้ถูกลบออกไปแล้ว
หลังจากที่ทางผู้บริหารโรงพยาบาลจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสาวเจ้าของคลิป
ต่อมา เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม
2563 พ.ญ.ประภาพรรณ จันทร์นาม
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูหลวง พร้อมด้วยผู้บริหาร
เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ภูหลวง
เพื่อให้ดำเนินคดีกับหญิงสาวที่ไลฟ์เฟซบุ๊คเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อรักษาเกียรติยศ
ชื่อเสียงของโรงพยาบาลและบุคลากร
โดยยืนยันหลังจากตรวจสอบแล้ว เจ้าหน้าที่พยาบาลใช้เวลาไปถึงที่เกิดเหตุเพียง
3-4 นาที นั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 21
สิงหาคม 2563 หญิงรายดังกล่าวพร้อมมารดา
ได้เข้ามอบช่อดอกไม้ให้แก่ พ.ญ.ประภาพรรณ
จันทร์นาม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูหลวง
และ น.ส.จิราวรรณ สุวรรณโชติ พยาบาลวิชาชีพปฎิบัติการ
เพื่อแสดงความขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยยอมรับว่า กระทำลงไปด้วยการขาดความยั้งคิดที่ถี่ถ้วน
ที่อาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงโดยรวมของแพทย์พยาบาลและโรงพยาบาล
เพราะในขณะนั้นรู้สึกตกใจกับอุบัติที่เกิดขึ้นใกล้บ้าน รู้สึกเสียใจกับการกระทำของตนเอง ตลอดเวลาหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ ตน
พ่อและแม่ไม่สบายเป็นอย่างมาก ฝากไปยังผู้ที่กำลังจะทำการไลฟ์สดในเหตุการณ์ต่างๆ
ขอให้อย่าใช้อารมณ์ ควรคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนว่าจะเป็นการสร้างผลกระทบด้านลบให้แก่บุคคลอื่นหรือไม่
ด้านแพทย์หญิงประภาพรรณ จันทร์นาม
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูหลวง เปิดเผยว่า
เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์สำคัญของอำเภอภูหลวง ทำให้ทุกคนได้เรียนรู้
ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเอง บุคลากรในโรงพยาบาล รวมทั้งตัวผู้ไลฟ์สดเองด้วย ซึ่งเขาก็ไม่ได้มีอคติกับทางโรงพยาบาล
และเป็นคนอำเภอภูหลวง เกิดที่นี่ โตที่นี่ เพียงแต่ไปทำงานอยู่ที่อื่นเท่านั้น เมื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองแล้ว และทราบว่า ตลอดเวลาหลังจากเกิดเหตุ
พ่อและแม่ของเขาไม่สบายมาตลอด
ตนจึงเห็นว่าเขามีความกตัญญูต่อพ่อแม่ ถือว่าเป็นคนดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ทางโรงพยาบาลจึงให้อภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนคดีความยังคงต้องให้ดำเนินไปตามกระบวนการ เพราะทางโรงพยาบาลได้ปักธงไว้แล้วว่าต้องกอบกู้ชื่อเสียงกลับมา แต่คงไม่ต้องถึงกับลงโทษ
ซึ่งเรื่องราวนี้ได้เผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง
ขอแค่ทุกสื่อได้กอบกู้ชื่อเสียงให้กับทางโรงพยาบาลภูหลวงแค่นั้นพอ
เหตุการณ์ครั้งนี้
ทางโรงพยาบาลก็ต้องมาเรียนรู้ ปรับปรุงการทำงาน โดยเฉพาะการทำความเข้าใจกับประชาชนที่ถูกต้องเกี่ยวกับการแพทย์ฉุกเฉิน
ให้ประชาชนเข้าใจว่าเราทำงานกันอย่างไร และทำอย่างไร
ประชาชนถึงจะแจ้งเหตุให้เร็วที่สุด
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูหลวงกล่าว.
x
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น