น.ส.อัญญ์ฎานันท์ ไพศูนย์ อายุ 36 ปี ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่า แม่ของตนคือนางหนูคิด ไพศูนย์ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 257 หมู่ 1 ต.ธาตุ อ.เชียงคาน จ.เลย ได้ประสบอุบัติเหตุ ถูกรถยนต์ชนขณะขับรถจักรยานยนต์ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 ได้รับบาดเจ็บ เลือดออกในสมอง เพราะศีรษะกระแทกพื้นอย่างแรง ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเลย แพทย์และพยาบาลได้ทำการรักษาเฝ้าดูอาการ
จนกระทั่งถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 แพทย์เจ้าของไข้ ได้ให้ออกจากโรงพยาบาล
กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน ทั้งๆที่แม่ตนยังมีอาการปวดศีรษะและมึนงงอยู่
อีกทั้งยายผู้ดูแลแม่ก็บอกว่ายังไม่อยากกลับบ้าน
ขอให้แพทย์รอดูอาการอีกระยะก่อน
แต่ทางแพทย์ก็ยืนยันว่า อาการบาดเจ็บดีขึ้นแล้ว กลับไปพักฟื้นที่บ้านอีกประมาณ
1 เดือนก็หายเป็นปกติ
หลังจากนั้นก็พาแม่กลับบ้าน เมื่อมาถึงได้ 10 นาที
แม่ก็เกิดอาการช็อกหมดสติ ตนและญาติได้พากันส่งตัวไปที่โรงพยาบาลเชียงคาน พยาบาลก็ช่วยกันปั๊มหัวใจ อาการยังไม่ดีขึ้น
จึงรีบนำส่งต่อไปที่โรงพยาบาลเลย และเสียชีวิตในที่สุด
น.ส.อัญญ์ฎานันท์ ไพศูนย์ |
ตนและญาติทุกคน ติดใจในสาเหตุการตาย จึงขอให้โรงพยาบาลเลยส่งศพไปผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลศรีนครรินทร์
จ.ขอนแก่น ผลการผ่า
แพทย์ระบุสาเหตุการตายว่า เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง สมองช้ำบวม
ซึ่งตนมาทราบจากแพทย์ว่า
โรงพยาบาลเลยไม่มีแพทย์เฉพาะทางด้านสมอง
การรักษาต้องคอยปรึกษาถามจากแพทย์ที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีตลอด การที่แม่เสียชีวิต ถือเป็นความผิดพลาดของแพทย์
ไม่มีการตรวจซ้ำก่อนให้แม่ออกจากโรงพยาบาล ทั้งที่แม่ยังมีอาการปวดหัว เดินไม่ได้
ขออยู่ต่อ ซึ่งตามกำหนดเดิมที่แพทย์บอกว่าจะต้องอยู่โรงพยาบาลไปจนถึงวันที่ 11
พฤศจิกายน จึงอยากให้แพทย์และผู้เกี่ยวข้องออกมาแสดงความรับผิดชอบกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นครั้งนี้ และขอให้ปรับปรุงการทำงานให้ดีกว่านี้
ขอให้แม่ตนเป็นศพสุดท้ายที่เกิดจากความสะเพร่าของแพทย์ น.ส.อัญญ์ฎานันท์
ด้านนายบัญชา ผลานุวงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลย เปิดเผยชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากโรงพยาบาลเลยรับนางหนูคิดเข้ามารักษาอาการบาดเจ็บ มีการทำซีทีสแกนพบว่าเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง ทางแพทย์เจ้าของไข้ ก็ได้ติดต่อประสานงานสอบถามแนวทางการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ว่าอาการเช่นนี้จะส่งตัวต่อที่อุดรฯหรือไม่ ซึ่งทางแพทย์ผู้เชี่ยชาญก็บอกว่า ให้รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลเลยตามคำแนะนำและสังเกตุอาการอย่างใกล้ชิด กำหนดไว้ 6 วัน ซึ่งก่อนอนุญาตให้คนไข้กลับบ้าน แพทย์ก็ได้เข้าไปตรวจดูอาการ คนไข้มีการตอบรับที่ดี มีการพยักหน้า และพูดคำว่าขอกลับบ้าน แต่ทางญาติอาจมีการเข้าใจผิดในการสื่อสาร โดยทางแพทย์ก็ได้แนะนำข้อปฏิบัติหลังจากออกจากโรงพยาบาลให้แก่ตัวคนไข้และญาติทราบ หากพบอาการผิดปกติก็ให้มาตรวจซ้ำ ซึ่งคนไข้ได้บอกแพทย์ว่ากลืนน้ำและอาหารไม่ได้
เมื่อไปถึงบ้าน ก็ทราบว่า
ญาติให้นำนมถั่วเหลืองมาให้คนไข้หรือนางสมคิดดื่ม แล้วเกิดอาการสำลัก
กลายเป็นเหตุซ้ำซ้อนขึ้นมาอีกแล้วก็หมดสติไป
ซึ่งต้องไปตรวจสอบอีกว่า สมองเสียทำให้สำลัก หรือนมถั่วเหลืองทำให้สำลักแล้วสมองเสียภายหลัง
อย่างไรก็ตาม ต้องรอข้อมูลจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจวิเคราะห์อีกครั้งหนึ่ง
เพื่อให้เกิดความกระจ่างและให้แพทย์ พยาบาลโรงพยาบาลเลยได้เรียนรู้ด้วย
จะได้กลับมาป้องกัน ไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้กับผู้ป่วยรายอื่น
นายบัญชา ผลานุวงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลย |
สำหรับข้อข้องใจของญาติว่าเหตุใดถึงไม่ส่งคนไข้ไปที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เนื่องจากการประเมินตามหลักการที่กำหนดไว้ อาการดีขึ้นตามลำดับ ได้เต็ม 15 คะแนน ทางแพทย์ที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรฯจึงให้อยู่รักษาที่โรงพยาบาลเลยก่อน เพราะต้องยอมรับว่า ที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีก็มีคนป่วยที่อาการหนักจำนวนมาก ขณะที่แพทย์ก็มีจำกัด ส่วนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านสมองที่โรงพยาบาลเลยมีอยู่เพียง 1 คน แต่ขณะนี้มีกำลังป่วย ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนได้ตั้งคณะกรรมการไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขวัญกำลังใจของแพทย์และพยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกคนก็ต้องคำถึงนึงด้วย แต่หาพบว่ามีความผิด หรือบกพร่องจริงก็ต้องลงโทษตามระเบียบกฎหมายต่อไป ส่วนการให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปเยียวยาจิตใจ และในวันพรุ่งนี้ ผู้บริหารจะเดินทางไปให้กำลังใจ และพิจารณายื่นเรื่องให้ความช่วยเหลือเงินตามหลักประกันสุขภาพ บัตรทอง มาตรา 41 ด้วย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลยกล่าว.
ชมคลิป https://youtu.be/bmDB5kOtOwo
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น