เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 ผู้ใช้เฟซบุ๊คนามว่า อ๊อบ นีรนันท์ ได้โพสต์ข้อความและรูปภาพลงในกลุ่มฮั่นแน้วเมืองเลย ขอความช่วยเหลือครอบครัวของนางสุพัฒน์ จัวฮอม อายุ 35 ปี เพื่อนที่เสียชีวิตขณะคลอดลูกแฝดที่โรงพยาบาลเลย
เจ้าของเฟซบุ๊ครายดังกล่าวระบุว่า นางสุพัฒน์ เป็นชาวบ้านโพน ต.นาซ่าว
อ.เชียงคาน จ.เลย ตั้งท้องลูกแฝด โดยอาศัยอยู่บ้านกับแม่ที่ป่วยโรคเรื้อรัง ส่วนสามีทำงานอยู่โรงงานตะเกียบในอำเภอเชียงคาน
และลูกสาววัย 9 ขวบ 1 คน
โดยนางสุพัฒน์มีกำหนดคลอดลูกวันที่ 10 ธันวาคม 2563 แต่ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เริ่มมีอาการเหนื่อย
อ่อนเพลีย บวมทั้งตัว จึงไปฝากครรภ์ไว้ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัด ซึ่งหมอบอกว่านางสุพัฒน์ติดเชื้อ จึงให้ยาฆ่าเชื้อมารับประทาน
จนกระทั่งผ่านไป 2-3 วัน ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 นางสุพัฒน์มีเลือดออกทางช่องคลอด จึงเดินทางไปที่หาหมอที่โรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ไว้ ซึ่งหมอให้นอนรอดูอาการและรักษา โดยเริ่มมีอาการความดันโลหิตสูง หมอจึงได้ให้ยาชะลอคลอดไว้ก่อน แต่ก็ยังปวดท้องอย่างรุนแรงต่อเนื่อง
จนกระทั่งเวลาประมาณ
04.00 น. วันที่ 2 พฤศจิกายน 2563
มีน้ำคร่ำแตกไหลออกมา แต่หมอก็ยังไม่ดำเนินการใดๆ
บอกเหตุผลกับญาติว่าช่องคลอดเปิดแค่ 2 เซนติเมตร
นางสุพัฒน์ก็มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงตลอดเวลา ดินทุรนทุราย ขอความช่วยเหลือจากแพทย์และพยาบาล
แต่ไม่มีใครมาดูแล กลับพูดจาห้ามปรามว่า “ให้อดทน อย่าสร้างความรำคาญให้คนอื่น
ถึงเวลาก็จะคลอดออกมาเอง เคยมีลูกแล้วก็น่าจะรู้”
ต่อมา
เวลาประมาณ 09.00 น. วันที่ 2 พฤศจิกายน 2563
นางสุพัฒน์ได้ถูกนำตัวส่งไปที่โรงพยาบาลเลย เพื่อผ่าคลอดเอาเด็กแฝดออกมา เมื่อถึงโรงพยาบาลแล้ว
หัวเด็กโผล่ออกมา 1 คน จึงไม่สามารถผ่าได้ ต้องให้คลอดแบบธรรมชาติ ซึ่งก็ทำได้สำเร็จ หลังคลอดลูก นางสุพัฒน์ได้หมดสติและเสียชีวิตลง
น่าสะเทือนใจเป็นอย่างมาก หน้าลูกทั้งสองคนก็ยังไม่ได้เห็น ส่วนลูกทั้งสองคนหลังคลอด
1 คนไหปลาร้าหัก ส่วนอีก 1 คน ต้องช่วยเหลือในห้องวิกฤต เด็กทั้งสองคนมีน้ำหนัก 2,400 กรัม
“อยากให้ชีวิตของน็อต
(นางสุพัฒน์)เป็นอุทาหรณ์ต่อใครอีกหลายคน ขอให้น็อตเป็นศพสุดท้าย ใครมีแนวทางช่วยแนะนำด้วย หากมีจิตศรัทธาบริจาคให้ความช่วยเหลือต่อต่อมาได้นะคะ ยินดีเป็นสะพานบุญต่อต่อคุณแม่และสามีของน็อตให้คะ” อ๊อบ นีรนันท์
เพื่อนของผู้ตายระบุ
ด้านแพทย์หญิงระพีพรรณ จันทร์อ้วน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงคาน ชี้แจงกับเลยไทม์ออนไลน์ว่า กรณีผู้ป่วยรายนี้ ขณะที่แอดมิดในโรงพยาบาลเชียงคาน แพทย์และพยาบาลได้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด โดยแพทย์เจ้าของไข้ ได้โทรศัพท์พูดคุยปรึกษาแนวทางการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่โรงพยาบาลเลยตลอดทั้งคืน ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำให้รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลเชียงคานก่อน เพราะว่ามดลูกยังไม่เปิด ไม่ได้ให้การรักษาโดยพละการ ซึ่งหญิงตั้งครรภ์แฝดมีภาวะเสียเลือดมากอยู่แล้ว เมื่ออาการไม่ดีขึ้น ในช่วงเช้าวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 ก็ได้รีบนำส่งตัวไปที่โรงพยาบาลเลย ส่วนการให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ไปให้กำลังใจ เยียวยาจิตใจ และเตรียมให้การช่วยเหลือเป็นเงินค่าชดเชยตามระเบียบทางราชการแล้ว ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงคาน
พญ.ระพีพรรณ จันทร์อ้วน |
นางฉัตรพร หัตถกรรม
รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลยฝ่ายการพยาบาล
เปิดเผยว่า กรณีคนไข้รายนี้ มีกำหนดคลอดวันที่ 10 ธันวาคม 2563 แพทย์จึงลงความเห็นว่า ยังไม่ควรให้คลอด ต้องให้เด็กอยู่ในท้องแม่ให้นานที่สุด
เพราะยังไม่แข็งแรงพอ โดยเฉพาะปอด
แต่เมื่อคนไข้มีอาการค่อนข้างน่าเป็นห่วง แพทย์จึงให้มารักษาที่โรงพยาบาลเลย เมื่อมาถึงแล้วก็พบว่า ช่องคลอดเปิด 10
เซนติเมตร จำเป็นต้องทำคลอดทันที และเมื่อคลอดเสร็จแล้ว มดลูกไม่ยอมหดตัว
เลือดยังไหลไม่หยุด แพทย์จึงทำการตัดมดลูก
ยืนยันว่า เคสนี้แพทย์และพยาบาลพยามให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่
แพทย์เจ้าของไข้บอกเป็นเคสที่รุนแรงที่สุด
หลังจากคนไข้เสียชีวิต ทุกคนอยู่ในอาการเศร้าสลด ต่างร้องไห้ ยิ่งได้เห็นลูกสาววัยเก้าขวบที่เข้ามากราบเท้าแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว
ทำให้รู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก ทุกคนได้บริจาคเงินให้น้องรวมกว่า
10,000 บาท นอกจากนี้ งานสังคมสงเคราะห์ของทางโรงพยาบาลเลยได้เข้าไปพูดคุยกับแม่และสามีของนางสุพัฒน์
พร้อมให้นมเลี้ยงลูกแฝดไปจนหย่านม และจะให้การช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบของทางราชการต่อไปด้วย
ส่วนอาการของเด็กทั้งสองคนขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว
จะสามารถกลับบ้านได้ 1 คนก่อน ส่วนอีก 1 คน ต้องคอยดูแลรักษาอาการบาดเจ็บไหปลาร้าหักให้หายดีเสียก่อน ซึ่งทางแม่และสามีของผู้ตายไม่ได้ติดใจเอาความกับทางแพทย์และพยาบาล ต่างก็เข้าใจถึงการทำหน้าที่เป็นอย่างดี เพราะเห็นเหตุการณ์ด้วยตลอดเวลาของการรักษา
รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลยฝ่ายการพยาบาล กล่าว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น