เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2564 มีชาวบ้านหมู่ที่ 8 ต.นาดอกคำ อ.นาด้วง จ.เลย ได้เข้ามาร้องเรียนสื่อ ขอหน่วยงานราชการและธนาคาร สอบพฤติกรรมกลุ่มมิจฉาชีพ หลอกชาวบ้าน จะเอาบัตรประชาชนไปทำบัตรกู้เงินด่วน โดยไม่ต้องใช้หนี้ แต่มีเงื่อนไขทางธนาคารจะหักเงินไป 70 % จะได้เงินมาใช้เปล่าๆ จึงมีชาวบ้านหลงเชื่อทำไปกว่าครึ่งหมู่บ้าน แต่กลับก็มีหนังสือท้วงหนี้จากธนาคารรายละ 200,000 บาท
นางละเอียด ศรีมหานาม เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีอดีตภรรยาของปลัดอำเภอ ได้เข้ามาคุยกับพวกตนส่วนใหญ่ก็มีอาชีพทำไรทำสวน ก็ยังยากจนหาเช้ากินค่ำอยู่ เขาบอกว่า จะหาเงินให้โดยไม่ต้องใช้หนี้ เพียงขอเอาบัตรประชาชนอย่างเดียวไปเดินเรื่องให้ 1-2 เดือนก็ได้ใช้เงินแล้ว พร้อมบอกว่าธนาคารเขาจะหักเงิน 70 % แล้วก็ยกเลิกหายกันไปเลย พวกตนก็หลงเชื่อ เพราะเป็นถึงอดีตคุณนายปลัดอำเภอ พวกตนก็ให้บัตรประชาชนไป
นางละเอียดเล่าต่อไปว่า หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ เขาก็เอาซิมโทรศัพท์มาให้ เพราะเห็นว่าพวกตนไม่มีโทรศัพท์กัน และอีก 2 เดือนหลังจากนั้น เขาก็เอาเงินมาให้ใช้ก้อนแรก 19,000 บาท จริงๆ หลังจากนั้นเพื่อนบ้านได้ยินข่าวก็มาขอกันทำ อีกอาทิตย์ต่อมา เอามาให้ใช้อีก 12,000 บาท จากนั้นก็ได้ยินข่าวว่า คนอีกหลายหมู่บ้านก็ทำเช่นเดียวกันอีกกว่า 100 คน
แต่เวลาผ่านไปกว่า 3 เดือน ตนกลับได้รับใบท้วงหนี้จากธนาคารยอดหนี้ 200,000 บาท ยังไม่รวมดอก ตนก็ตกใจไม่เคยเป็นหนี้มากมายขนาดนี้ จึงได้พากันไปถามธนาคาร เจ้าหน้าที่ธนาคารก็แปลกเหมือนกันว่า เขาให้กู้ได้ยังไง สเตทเม้นก็ไม่มี คงจะเป็นมิจฉาชีพและอาจจะมีพนักงานของธนาคารสาขานั้นให้ความร่วมมืออยู่ด้วย
เจ้าหน้าที่ธนาคารรายนี้ได้แนะนำให้พวกตนไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ วันนี้พวกตนได้เข้าแจ้งความไว้แล้ว แต่คนที่มาชวนทำเช่นเดิมยังอยู่ปกติ ไม่มีการดำเนินคดีแต่อย่างใด และที่มาร้องเรียนออกสื่อ กลัวว่าชาวบ้านอื่นๆโดยเฉพาะที่หาเช้ากินค่ำอย่างพวกตน จะโดนหลอกอีกเหมือนกัน อยู่ดีๆก็มาเป็นหนี้กับธนาคาร วันนี้สิ่งที่กลัวเมื่อไม่มีเงินใช้หนี้ กลัวเขายึดที่ทำกิน แล้วต่อไปจะทำยังไงกัน อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวลงมาช่วยชี้ช่องทางหาทางออกให้พวกตนด้วย
ทั้งนี้ นางละเอียดและผู้เสียหายเหยื่อรายอื่น ได้เดินทางเข้าไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเลยไว้แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเรียกอดีตภรรยาปลัดอำเภอรายดังกล่าวมาทราบข้อกล่าวหา และสอบสวนเพิ่มเติม.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น